ตอนที่ 6 สองสาว เจอ สามหนุ่ม
พล. ต. ต. วิบาก บอกกับสองหญิงสาวว่า “ ถ้าหากคุณพร้อมก็เริ่มสัมภาษณ์ได้เลยนะครับ ต้องการอะไรก็บอกเราได้เลย”
สองสาวรับคำ แล้วเดินตาม พล. ต. ต. วิบาก เข้าห้องสอบสวน2 เดินไปทางโต๊ะตัวที่สามหนุ่มนั่งอยู่ พรหล้านั่งด้านในใกล้กำแพง ฝั่งตรงข้ามกับสามหนุ่ม ส่วนหมอโคอัญชัญ นั่งข้างๆ สาวนักข่าว
ตอนนี้ผู้ช่วยของคุณหมอและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ช่วยกันติดตั้งเครื่องโพลีกราฟเสร็จพอดี และได้เดินออกไปนอกห้อง คงเหลือ 3 หนุ่ม 2 สาว อยู่เผชิญหน้ากัน 3 ต่อ 2
พล. ต. ต. วิบาก สั่งตำรวจ 2 นายที่เฝ้าอยู่หน้าห้องว่า “ ถ้าได้ยินเสียงอะไรผิดปกติก็ให้เข้าไปในห้องได้ทันที”
2 ตำรวจ รับคำ
3 หนุ่มเมื่อได้มาเจอกับ 2 สาวก็เพิ่งเริ่มจะรู้สึกว่า คิดไม่ผิดที่เลือกเดินทางมาทริปนี้ กระดี๊กระด๊าออกนอกหน้า โดยเฉพาะนายจา ดวงตาเป็นประกายใสซื่อแต่แอบซ่อนไว้ด้วยความยินดีสุดขีดอยู่ภายใน ส่วนนายอุออกอาการเขินสุดขีด นายระแม้ว่าจะไม่ตื่นเต้นเท่า 2 คนนั้น แต่ก็รู้สึกดีใจ และรู้สึกถูกชะตากับ 2 สาว เป็นอย่างมาก ฝ่ายสองสาวก็เช่นกันรู้สึกถูกชะตากับ 3 หนุ่มที่ดูจากรูปร่างแล้วเหมือน จะมีอายุมากกว่า 20 ปี แต่ใบหน้ายังละอ่อนอยู่ ส่วนสูงเกือบสองเมตร ช่วงไหล่กว้าง กล้ามเนื้อแน่นปราศจากไขมันส่วนเกินและช่วงขายาวได้สัดได้ส่วนพอดี และมีความรู้สึกว่าเหมือนเคยรู้จักกันกับ 3 หนุ่มนี้มานาน แต่สองสาวแสดงออกกันคนละอย่าง
ก่อนที่หญิงสาวแสนสวยทั้งสองคนจะได้พูดถามอะไรจารุกรก็ได้พูดขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองเมื่อมองไปที่สองสาวด้วยดวงตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ แต่มาหยุดสายตาตรง นักข่าวสาว “ ทำไมพี่ถึงได้สวยอย่างนี้ละครับ”
อุชุกร รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เอาสองมือมา ขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกด้านซ้ายบิดเสื้อไปมาแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบาและอ่อนแรงได้ยินเพียงตัวเขาคนเดียวว่า “ อูย ทำไมหัวใจเต้นเร็วจัง” สายตาหยุดที่ คุณหมอ แล้วก็หลบสายตาไม่กล้ามองหน้าตรงๆ
อุชุกรในใจกำลังร้องเพลงฮิตสมัยปี 3210 และก็จินตนาการว่ากำลังร้องเพลงเต้นรำจังหวะโมเลคูล่าอยู่กับหมอโดยมี 2 หนุ่มและพรหล้าเป็นตัวประกอบเล่นดนตรีด้วยเครื่องคาลาไดสแคร๊ป ร้องเพลงเต้นรำบนพื้นหญ้าสีเขียวมีดอกไม้หลายหลากสีสันแซมประดับในสวนสาธารณะกิมชุนปาร์คในตัวเมืองทอฝัน ท้องฟ้าสดใส มีสายรุ้งและยวดยานขับขี่บินว่อนอยู่กลางอากาศตลอดเวลา เนื้อเพลงมีอยู่ว่า
“ จะมาเจ๊อะ จะมาเจ๊อะ จะมาเจ๊อะ เจอกับเธอหรือนี่
โอโฮเฮ๊อะ โอโฮเฮ๊อะ โอโฮเฮ๊อะ โห่ฮิโหยหา ฮาฮ้า มานาน
คุ้มจริงๆ คุ้มจริงๆ คุ้มจริงๆ ไม่ลิงหลอกเจ้า
เฝ้าแต่เธอ ถูกใจใช่เลยเฟิร์ม ไม่ไปไหนแล้วรู้ไหม
ดวงใจมันพุ่งปรู๊ดขึ้นจักรวาล บานใจ
หัวใจเดิมๆ เปลี่ยนไป ให้เธอ”
อุชุกร ตาเหม่อลอย แล้วก็สะดุ้ง เรื่มรู้สึกตัวเมื่อเห็นพรหล้ายิ้ม หันไปพูดกับหมอโคอัญชัญ ว่า “ ให้ดิฉันสัมภาษณ์ก่อนนะคะ” พูดพลางก็หยิบเครื่องอัดเสียงออกจากกระเป๋าเป้สีน้ำตาล
คุณหมอ พยักหน้าน่ารัก หยิบปากกาและสมุดจดออกมาจากกระเป๋าเอกสาร
พรหล้ากดปุ่มอัดเครื่องอัดเสียง เริ่มคำถามอย่างแคล่วคล่อง “ สวัสดีค่ะ น้องๆ พี่ชื่อพี่พรหล้า แล้วนี่คุณหมอโคอัญชัญ แล้วน้องๆ ชื่ออะไรกันบ้างคะ”
“ ผมชื่ออุชุกร ครับ”
“ ผมชื่อจารุกร ครับผม”
“ ผมชื่อรวินันท์ ครับ”
สามหนุ่มจากอนาคตตอบอย่างตื่นเต้น
“ ไหนน้องลองเล่าให้พี่ฟังซิคะ ว่าไปทำอะไรกันที่ตลาด” นักข่าวคนสวยถามต่อ
จารุกรยิ้มให้สาวนักข่าว พยายามพูดเป็นการเป็นงาน เพื่อให้ฟังน่าเชื่อถือมากที่สุด “ พวกเราเป็นนักเดินทางมาจากอนาคต ปี พ. ศ. 3210 พวกเรานอกจากมาสำรวจสถานที่และเส้นการเดินทางแล้ว ภาระกิจที่สำคัญของเราก็คือ ทำประโยชน์ให้กับคนหมู่มากให้ได้ ทำให้คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ได้ประโยชน์มากที่สุดครับ”
“ แล้วที่น้องๆไปแก้ผ้าในตลาด มันจะทำประโยชน์กับคนหมู่มากยังไงคะ” นักข่าวสาวถามยิ้มๆ แววตาเป็นประกาย
จารุกรกลืนน้ำลายทำหน้าไม่ถูก ยิ้มเริ่มเฝื่อน แต่ก็ยังพยายามต่อไป “ แหมพี่ก็ มันไม่ใช่อย่างนั้น คือว่าพวกเราถูกส่งมาด้วยเครื่องแปลงมวลสารของพวกเรา ให้เป็นคลื่นพลังงานความถี่ความเร็วเหนือแสง ทีนี้เครื่องที่ว่านี้ เวลาส่งเราจะส่งมาได้แต่ตัว เสื้อผ้าของใช้จะเอามาด้วยไม่ได้ และที่จริงพวกเราต้องไปลงที่มาลัยแลนด์ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเรามาลงตรงนี้ พวกเรายังสงสัยอยู่ว่า คนที่คุมเครื่องที่นั่นจะแกล้งเราหรือเปล่า”
นักข่าวสาวสวยไม่เชื่อในคำตอบ แต่ก็ยังยิ้มหวานพูดถามต่อ “ พี่ถามคำถามใหม่ เพราะน้องอาจจะอายไม่อยากตอบเรื่องโชว์เปลือยกลางตลาด น้องอายุเท่าไหร่”
“ พวกเราอายุ 16 ปี ไม่ได้เป็นฝาแฝด แค่บังเอิญ เกิดวันเดือนปี วินาทีเดียวกันเป๊ะเลยครับ” จารุกร ตอบ
“ อายุ 16 ปี ทำไม ทำไมตัวโตกันจัง” พรหล้ารู้สึกแปลกใจนิดๆ มีความรู้สึกว่าอายุจริงของ 3 หนุ่มน่าจะมากกว่านี้
“ บ้านผมอายุเท่าผมก็ตัวเท่านี้กันทุกคน นั่นนะซิครับผมเห็นคนที่นี่ตัวเล็กๆกันทั้งนั้นเลยครับ น่ารักดี ผมว่าอาจเป็นอาหารที่เรารับประทานกันนะครับ” จารุกร เริ่มรู้สึกว่าการสนทนาเริ่มไปได้ด้วยดี
จารุกรหันมายักคิ้วให้เพื่อน บอกว่า “ เห็นไหม พี่เขาเห็นว่าเราดูเป็นผู้ใหญ่”
รวินันท์ขัดคอ “ พี่เขาเห็นว่าแกดูหน้าแก่น่ะซิ ไม่ว่า”
นักข่าวแสนสวยหัวเราะ เมื่อเห็นนายจารุกรค้อนเพื่อน และถามคำถามต่อเพื่อเอาใจแฟนคลับที่คอยอยู่ด้านนอกสน.
“ อาหารจานโปรดน้องชอบอะไรคะ”
“ อาหารโปรดของผมข้าวซอยมะเขือยาว, หมู- ไก่กระเทียมดองจืด, อุชอบทุกอย่างที่เป็นรสไก่ ไก่ทอดกระท้อนห่อไข่, ผัดขิงกระดูกไก่, แกงไก่ใส่กาละแมหวาน, ไก่ตุ๋นมะเฟืองต้มเค็มพริกชี้ฟ้า, หัวไก่หม้อไฟ ส่วนของระชอบรสอาหารทะเล ปูนึ่งสังขยาอบเปรี้ยวหวานมันเค็ม, กุ้งนึ่งน้ำมะกรูดชะเอมปั่น, อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารสำเร็จรูปเป็นแท่งรสชาดต่างกัน ใส่อยู่ในซองกระดาษ จะทานก็ผสมน้ำใส่ชามแก้ว วางบนแผ่นไมโครเวฟ สมัยโน้นเขาไม่ใช้แก๊ซ หุงต้มอาหาร แล้ว เขาใช้แผ่นไมโครเวฟแบบเปิด มันส่งความร้อนออกมาได้จากแผ่นไมโครเวฟนี้ จะต้มน้ำจะหุงข้าว จะผัดจะแกง ใช้แผ่นนี้ได้หมด” จารุกรตอบแทนเพื่อนอย่างแคล่วคล่องด้วยความภูมิใจ
สาวนักข่าวยิ้ม รู้สึกว่าฟังดูแปลกๆ แต่ก็เริ่มชิน ถามต่อตามหน้าที่ “ น้องๆดูไม่เหมือนคนสุวรรณประเทศ น้องๆมีเชื้อชาติอะไรกันบ้าง เพราะดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนท้องถิ่นของสุวรรณประเทศ”
จารุกรก็ยังมีสีหน้าแช่มชื่นยินดีที่จะตอบคำถามทุกคำถามเมื่อรู้สึกว่าสาวสวยสนใจ “ เนื่องจากที่ที่เรามาคนส่วนใหญ่ของโลกพูดภาษาเดียวกัน ความรักไร้พรหมแดน จึงเกิดขึ้น และคนจากที่อื่นก็อพยพมาอยู่ในสุวรรณประเทศจนได้สัญชาติไปก็มีมาก พ่อแม่ของพวกเราก็ไม่ยกเว้น คุณพ่อของอุ เป็นชาวเกี๊ยมอี๋ ส่วนคุณแม่เป็นคนเกาไหน ของผมคุณพ่อเป็นชาวสุวรรณประเทศ คุณแม่เป็นชาวกอมมี่ คุณพ่อของระเป็นกะตัง คุณแม่เป็นสามจุด”
“ หมายความว่าอย่างไรคะ คนส่วนใหญ่ของโลกพูดภาษาเดียวกัน มิน่าเล่า น้องๆถึงพูดภาษาเราได้ชัดทุกคน” นักข่าวสาวไม่เชื่อในคำตอบ แต่ก็ยิ้มด้วยขำไปด้วย เริ่มมั่นใจแล้วว่า ในกลุ่มคนทั้งสามคนนี้ อย่างน้อยหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าคนที่ตอบคำถามของตัวเองอยู่นี้ ต้องเพี้ยนไปแน่ๆ และเริ่มรู้สึกสนุกไปกับเรื่องที่หนุ่มเพี้ยนนี้เล่าให้ฟัง
VIDEO
บทนำ
อ่านตอนต่อไป