ตอนที่ 32 จานบิน
พ่อหนุ่มผมทองของเรา หยิบจานบนโต๊ะที่ยังมีเศษอาหารเหลืออยู่ชูขึ้นแล้วถามพรหล้าว่า “พี่พรหล้าครับ อาหารจานนี้คืออะไรครับ”
แหมของมันง่ายๆอยู่แล้วใครเห็นก็ต้องตอบได้ว่าเศษอาหารที่เหลือในจานมันคือเส้นมะละกอและมะเขือเทศ พรหล้ามองแค่แป๊บเดียวก็สามารถตอบได้ทันทีว่า “ส้มตำ”
จารุกรบอกว่า “อ๋อ ส้มตำ” พูดเสร็จก็ร่อนจานใบนั้นไปโดนที่หน้าแข้งคนที่ทุ่มเก้าอี้ใส่ตนเองเมื่อตะกี้ ได้ผล ท่านบุญทุ่มร้องโอดโอยกุมหน้าแข้งข้างซ้ายแต่ก็ยังฝืนสะกดความเจ็บไว้ หยิบเก้าอี้อีกตัวทุ่มใส่ จารุกร แต่ไม่โดนเพราะเขาหลบทัน จังหวะที่หลบจารุกรก็หยิบอีกจานหนึ่งถามพรหล้าว่า “แล้วนี่อะไร”
พอดีเจ้าบุญทุ่มกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ จารุกรจึงต้องรีบร่อนจานไปอย่างเร็วก่อนที่จะได้คำตอบจากพรหล้า จานร่อนโดนหน้าแข้งซ้ายที่เดิมเป๊ะ เจ้าบุญทุ่มที่กำลังวิ่งคราวนี้ต้องหยุดชะงักน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด
พรหล้ามองดูอาหารในจานไม่ทัน จึงตอบไปว่า “ดูไม่ทัน ขอใหม่อีกทีซิคะ”
จารุกรหยิบจานที่มีอาหารเหลือเยอะหน่อยแต่เป็นแบบเดียวกับเมื่อตะกี้ให้พรหล้าดู พรหล้าร้องอ๋อทันที “อ๋อ นั่นข้าวขาหมู”
เจ้าบุญทุ่มของเรากุมหน้าแข้งวิ่งหนีไปตั้งแต่ได้ยินพรหล้าบอกว่าดูไม่ทัน ขอใหม่อีกทีแล้ว
หนุ่มตาตี่ของเรา อุชุกรพอเห็นจารุกรถามชื่ออาหารก็อยากรู้อาหารน่ารับประทานจานที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเรียกว่าอะไร จึงเลียนแบบถามชื่ออาหารกับคุณหมอโคอัญชัญที่น่ารักของเราบ้าง แต่คราวนี้ พอหยิบจานหมอก็บอกชื่ออาหารทันทีไม่ต้องให้ถามให้เสียเวลาว่า “ข้าวมันไก่”
ส่วนรวินันท์ พ่อหนุ่มคิ้วเข้ม มีแฟนคลับตัวจริงและประชาชนทั่วไปคอยบอกรายการอาหารในจาน
ที่สามหนุ่มของเราสนใจในรายการอาหารนั้นนอกจากจะเป็นเพราะความตะกละเห็นอะไรก็อยากกินแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาหารยุคนี้และยุคที่เขาจากมาไม่เหมือนกัน บางอย่างเรียกชื่อเหมือนกันแต่หน้าตาไม่เหมือนกันแถมรสชาดยังต่างกันอีกด้วย หนึ่งสัปดาห์ที่พวกเขาเข้ามาในยุคปี 2551 นี้ เขาก็มีโอกาสชิมอาหารหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่เป็นพวกก๋วยเตี๋ยวเพราะว่า พรหล้าและโคอัญชัญชอบรับประทานพวกก๋วยเตี๋ยว และความรู้สึกของ 3 พระเอกสุดหล่อ บรรยากาศในร้านอาหารทั่วไปก็ไม่ตื่นตาตื่นใจเหมือนบรรยากาศในสวนอาหารฟาสฟู๊ดในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
เวลานี้จึงเห็นจานบินและชามบินร่อนไปบินมา พร้อมกับเสียงตะโกนบอกชื่ออาหารแต่ละรายการ ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวไก่ บะหมี่เกี๊ยว ข้าวไข่พะโล้ หอยทอด แกงกะหรี่ไก่ น้ำตก ซกเล็ก บางจานมีเศษอาหารเหลืออยู่นิดเดียวคนทั่วไปไม่สามารถจะบอกได้ แต่เจ้าของอาหารคนที่นำไปรับประทานจำได้ก็อุตส่าห์ให้ความอนุเคราะห์บอกให้รู้จนได้
จานบินส่วนใหญ่จะบินลงหน้าแข้ง ส่วนชามบินจะลงที่หัว พวกผู้ร้ายบางคนโชคดีได้ลงทั้งแข้งทั้งหัว ถ้าดูเผินๆ แล้วจะดูเหมือนเหล่าร้ายพวกนี้กำลังเต้นฮิปฮอพ หรือ แร็พ เพราะว่าเอาสองมือกุมแข้งแล้วก็กุมหัว ยกแข้งยกขาขึ้นๆลงๆ
รวินันท์และอุชุกรก็โชว์ลวดลายเต็มที่ ขว้างชามก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ไปกระทบกันกลางอากาศแล้วก็ตกลงมาโปะบนหัวเหล่าร้ายสองคนพอดี เส้นก๋วยเตี๋ยวและเส้นหมี่กลายเป็นเส้นผมส่วนชามสองใบก็กลายเป็นหมวก แฟชั่นเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
จารุกรนั้นจะเน้นความแม่นอย่างเดียว ครั้งแรกขว้างโดนจุดไหน ครั้งที่สองจะโดนที่เดิมไม่มีเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
แฟนคลับตัวจริงและปลอมตอนนี้ก็เห็นเด่นชัดขึ้น คือพวกที่พยายามเข้ามาจับตัวหรือทำร้าย 3 พระเอก นั่นคือพวกผู้ร้าย ส่วนกองเชียร์ที่คอยบอกชื่ออาหารนั้นก็เป็นพวกแฟนคลับ แต่ก็มีพวกสมุนโจรบางคนมีความฉลาดเฉลียว รู้จักเอาตัวรอด ไม่อยากเจ็บหน้าแข้งเจ็บหัวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทำเป็นเนียนยืนคอยบอกรายการอาหารอยู่รอบนอก ส่วน ร.ป.ภ. หน่วยรักษาความปลอดภัยของห้างก็มองดูเหตุการณ์ทำอะไรไม่ถูกเพราะพวกคนร้ายมันมากเหลือเกินห้ามไม่อยู่ มีเพียงจานบินเท่านั้นที่เอาอยู่ในวินาทีนี้
ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงพวกนักข่าวสำนักต่างๆ ก็มาถึงพอดี ถ่ายรูป ถ่ายภาพเหตุการณ์อันแสนจะชุลมุนวุ่นวายไปได้อย่างทันเหตุการณ์
หลังจากนั้นไม่นานนักตำรวจกลุ่มใหญ่ก็มาถึง แต่ก็ผิดความคาดหมายเพราะแทนที่ตำรวจจะเข้าระงับเหตุวุ่นวาย กลับกลายเป็นตำรวจมุ่งตรงเข้าไปจับกุมใส่กุญแจมือ 3 พระเอกหนุ่มของเรา พร้อมทั้งแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์ บุกรุก และขับเครื่องบินโดยไม่มีใบอนุญาต เพิ่มเติมจากข้อหาเดิมคือเข้าเมืองผิดกฎหมาย สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนทั่วไป มีการโห่ให้กับตำรวจ มีแต่พวกที่โดนจานและชามบินที่พอใจกับการจับกุมครั้งนี้ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยคอยเชียร์ให้กำลังใจตำรวจ
นักข่าวก็ตื่นเต้นกันใหญ่เพราะเท่ากับมาครั้งเดียวได้ข่าวคุ้มค่าทั้งเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและทั้งเรื่องที่ 3 ฮีโร่ขวัญใจถูกตั้งข้อหาเพิ่มและถูกจับ
พรหล้าตอนนี้ไม่ได้สนใจข่าว แต่เป็นห่วง 3 หนุ่มมากกว่า จึงบอกกับโคอัญชัญซึ่งเวลานี้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันแล้วว่า "อัญ เธอโทรหาท่านผู้การ วิบากซิ"
โคอัญชัญ มือล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งแต่ก่อนที่พรหล้าจะบอกเธอแล้ว ตอบว่า "กำลังจะโทรพอดี"
พูดแล้วก็ต่อสายถึง พล.ต.ต.วิบาก ทันที รอสายอยู่นานจนทำให้สองสาวกระวนกระวายใจ สักพักก็ได้ยิน พล.ต.ต.วิบาก รับสาย โคอัญชัญรีบพูดอย่างเร็ว "ท่านผู้การคะ ตอนนี้ผู้ต้องหา 3 คนที่อยู่กับดิฉันที่นี่ ได้ถูกจับและแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ท่านทราบเรื่องนี้หรือยังคะ"
พล.ต.ต.วิบาก น้ำเสียงเป็นกังวลไม่แพ้กัน "ผมทราบแล้วครับคุณหมอ เวลานี้ การควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของผมแล้ว ตำรวจที่ไปจับตัวได้รับคำสั่งจากส่วนกลางให้มาทำการจับกุมโดยตรง เสียใจด้วยนะครับที่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้เลย"
โคอัญชัญและพรหล้าต่างผิดหวังที่ไม่สามารถช่วยอะไร 3 นักเดินทางนี้ได้ ได้แต่มองตาปริบๆเห็น ทั้ง 3 คนถูกตำรวจจากส่วนกลางควบคุมตัวไป
ก็แน่ละซิตำรวจสายนี้เป็นสายที่อยู่ในบังคับบัญชาของคุณระยามศักดิ์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นพรรคพวกกับ ดร. พักระดูนั่นเอง
3 ฮีโร่ของเราตอนนี้ก็ตกสภาพเป็นผู้ต้องหาอีกแล้ว ทั้ง 3 ยอมให้ตำรวจจับแต่โดยดี และก็ไม่ได้หวั่นไหวกับการถูกจับครั้งนี้ด้วย เพราะว่าได้เตรียมใจรับกับทุกสภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนจะเดินทางมายุคปัจจุบันนี้แล้ว มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรอีก
ตลอดทางที่เดินผ่านโต๊ะอาหาร และร้านอาหารต่างๆ 3 ผู้ต้องหาก็ยังไม่หยุดปากถามชื่ออาหารกับตำรวจและแม่ค้าพ่อค้า แล้วก็บอกว่าน่ารับประทานเกือบทุกอย่าง ก่อนจะพ้นบริเวณสวนอาหารก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีส้มกางเกงยีนขาสั้น วิ่งมาที่ 3 หนุ่มแล้วยื่นลูกกลมๆ สีขาวจุดแดงมีกระดาษแปะ ให้แล้วก็บอกว่า “คุณแม่ให้เอามาให้ค่ะ นี่คือซาลาเปานะคะ”