ตอนที่ 25 ความสัมพันธ์ของคน สัตว์และหุ่นยนต์
ดร. อาจงรู้สึกตื่นเต้นไปกับคำบอกเล่าของ 3 นักเดินทางจากอนาคต แต่คำถามต่างๆ ก็ยังพรั่งพรูไม่หยุด “ แล้วเรื่องของการเลือกคู่และการมีลูกในอนาคตจะต่างกับตอนนี้ไหม”
จารุกร “ การเลือกคู่เพื่อสืบพันธุ์หรือที่ตอนนี้เรียกว่าแต่งงาน ส่วนใหญ่ให้คอมพิวเตอร์กลางหรือหุ่นยนต์เลือกคู่ให้ พวกเราจะตัดสินใจเลือกคู่เองก็ได้ไม่มีใครบังคับ แต่ส่วนใหญ่คนที่เลือกคู่เองไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เท่าไหร่ คนที่หุ่นยนต์เลือกให้มีเยอะมาก เรียกว่าส่วนใหญ่คนที่มีคู่เลือกโดยหุ่นยนต์ มีบ้างเหมือนกัน ที่หุ่นยนต์ตัวนั้นบอกว่าต้องแต่งงานกับมัน คนแต่งงานกับหุ่นยนต์ประสบความสำเร็จก็เยอะ แต่ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ แต่ใช้วิธี ให้คนอื่นอุ้มท้องให้ มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งสมัครใจจะอุ้มท้องให้ เพราะว่ามีความภูมิใจ มีความสุขที่ได้คลอดเด็กน้อยออกมา แต่ไม่มีความสุขที่จะเลี้ยงดู หรือบางคนอยากมีลูกของตัวเอง โดยไม่อยากมีสามี ก็ทำได้”
ดร. อาจง ตาโต “ คนแต่งงานกับหุ่นยนต์อย่างนั้นหรือ”
รวินันท์ “ ครับหุ่นยนต์เหมือนมนุษย์มากๆ ดีกว่ามนุษย์ตรงที่ไม่มีกลิ่นตัวเหม็น มีแต่กลิ่นหอมจากผิวหนังกลิ่นต่างๆ หอมติดมาเลย ตั้งแต่ตอนผลิต
หุ่นยนต์ไม่เรื่องมากเหมือนคน ว่านอนสอนง่าย นิสัยดี จะเอาสวยเก่งขนาดไหนก็ได้ แต่บางครั้งที่เครื่องเสีย ซ่อมไม่ได้ ต้องทิ้ง อันนั้นแหละคนที่เป็นเจ้าของจะเฮิร์ตหนัก บางคน ทำพิธีลาจากกันใหญ่โต สร้างอนุสรณ์หรือตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อการพัฒนาหุ่นยนต์มนุษย์รุ่นต่อๆไป บางคนหวังว่าจะสามารถทำให้หุ่นยนต์ตัวที่เสียฟื้นคืนชีพได้ถึงกับเก็บรักษาดูแลอย่างดี ประมาณกันว่าอีก 20 ปีข้างหน้าเราจะสามารถทำได้ พวกเราตื่นเต้นกับข่าวนี้มากอยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ หุ่นยนต์ที่เสียส่วนใหญ่ รูปลักษณ์ภายนอกหรือเครื่องยนต์ กลไก เราสามารถซ่อมได้ แต่ที่ซ่อมยากมากคือว่าการช่วยความจำเก่าๆ อีก 20 ปีที่ว่านี้คือเราจะสามารถดูอดีตได้ทุกตอนไม่ว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นจะอยู่ที่ไหนทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงงาน แล้วเราก็จะเอาความจำเหล่านั้นบันทึกแล้วใส่เข้าไปในตัวหุ่นยนต์ เจ้าของก็จะได้หุ่นตัวเดิมกลับมาหาจริงๆ เทคโนโลยีอันนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ ทั้งกับสัตว์เลี้ยงหรือมนุษย์จริงๆ ที่ตายไปแต่เรายังมีความผูกพันอยู่ ก็สามารถสร้างหุ่นยนต์ให้เหมือนคนหรือสัตว์จริง แล้วใส่โปรแกรมความจำนี้เข้าไป เราก็จะรู้สึกเหมือนคนสัตว์ เหล่านั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้จริงๆ
กฎหมายโคลนนิ่งมนุษย์เลยมีการอนุญาตให้ใช้กับมนุษย์ได้เพราะกลัวว่ามนุษย์จริงๆจะสูญพันธุ์ คนไปผูกพันกับหุ่นยนต์มากขึ้น หนังเรื่องไหนสร้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหุ่นยนต์จะเป็นที่นิยมอย่างมาก”
ดร. อาจง อยากรู้ต่อไปอีก “ ในอนาคต คนเรายังมีการฆ่าสัตว์เพื่อบริโภคเนื้ออยู่หรือไม่”
จารุกร “ ไม่มีแล้วครับ พวกเราทำโปรตีนเนื้อสัตว์โดยตรงไม่ต้องทำร้ายสัตว์ โปรตีนเนื้อคนก็ทำขึ้นสำหรับอวัยวะเทียมและหุ่นยนต์ สัตว์เคยเรียกร้องให้ทำเนื้อคนเป็นอาหารสัตว์บ้าง แต่ปรากฏว่าไม่อร่อยไม่เป็นที่นิยมจึงเลิกไป อาหารของสุวรรณประเทศก็ยังเป็นที่นิยมของชาวโลกอยู่ อ้อ! ลืมบอกไป อนาคตมนุษย์สามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆ ได้แม้กระทั่งแมลงและวิญญาณก็ยังได้”
ดร. อาจง สีหน้าตื่นเต้น “ ฮ้า อย่างนั้นเชียวหรือ แล้วมีสัตว์อะไรบ้างที่ในอนาคตมี แต่ปัจจุบันไม่มี”
อุชุกร “ สัตว์ต่างๆ ในเทพนิยาย ที่จริงแล้วเป็นสัตว์ที่มีอยู่จริงในอนาคต แต่ถูกส่งไปในที่ต่างๆในอดีต รวมทั้งครึ่งคนครึ่งสัตว์ด้วย”
ดร. อาจง ตาค้างแทบไม่เชื่อว่าจะได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ “ อะไรนะ เป็นไปได้จริงหรือนี่ ครึ่งคนครึ่งสัตว์นี่นะ”
จารุกร “ เนื่องจากจำนวนคน และสัตว์ ลดลงเรื่อยๆ จากภัยธรรมชาติต่างๆ เราสามารถพัฒนาสิ่งมีชีวิตหลายอย่างเพื่อทดแทนการสูญพันธุ์ของคนสัตว์ต่างๆ รวมทั้งครึ่งคนครึ่งสัตว์ด้วย ในสมัยก่อนนักวิทยาศาสตร์ของประเทศอังขิก ได้เพาะตัวอ่อนครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ ขึ้นได้เป็นครั้งแรกของประเทศ ในการวิจัยทางการแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาโรคต่างๆ สามารถมีชีวิตอยู่มาได้นานถึง 3 วัน ซึ่งตามกฎหมายจะเลี้ยงเอาไว้ได้ไม่เกิน 14 วัน และมีขนาดโตเท่าหัวเข็มหมุดเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเป็นพวงมาลัยของเซลส์ ซึ่งเหมือนกับของทารกตัวอ่อนอายุ 3 วัน อื่นๆ นักวิจัยได้เพาะขึ้น โดยฝังดีเอ็นเอที่เอามาจากเซลส์ผิวหนังคน เข้าไปในไข่ซึ่งได้มาจากรังไข่ แม่วัว ที่ถูกควักเอาวัตถุพันธุกรรมออกจนเกลี้ยง เหตุที่ต้องใช้ไข่ของสัตว์แทน เพราะของมนุษย์หายาก จะต้องเลี้ยงให้รอดอยู่นานถึง 6 วัน จึงจะสามารถแยกเอาเซลส์ต้นกำเนิดออกมาได้
ในสมัยนั้นคนที่เคร่งศาสนาพากันต่อต้านและกล่าวประณามการกระทำแบบนี้
แต่ด้านนักวิทยาศาสตร์ก็โต้ว่าเป็นความจำเป็น ในการหาวิธีการรักษาโรคอย่างสมองเสื่อมและอัมพาตแบบสั่น แต่ต่อมาเนื่องจากเรากลัวว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ จึงได้พัฒนามนุษย์พันธุ์ต่างๆ ขึ้นเพี่อให้สามารถปรับตัวให้อยู่กับสภาวะแวดล้อมได้หลายๆ แบบ เรื่องการส่งมนุษย์ข้ามเวลานั้นก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถทำการทดลองโดยการส่งมนุษย์ไปเลย แต่ว่าเรามีการทดลองปล่อยสัตว์ทดลองไปในอดีตก่อน แล้วจึงส่งครึ่งคนครึ่งสัตว์ แล้วจึงส่งคนไป พวกเราก็ไม่ใช่รุ่นแรก เขาส่งกันมาตั้งแต่ร้อยปีที่แล้วก่อนพวกเราเกิด
เคยมีการทำให้เกิดครึ่งคนครึ่งลิงมาแล้ว เอาดีเอนเอจากขนมาทำโคลนนิ่งให้เป็นร้อย ต่อสู้กับพวกปีศาจ พวกเราจะรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆที่เราส่งมาในอดีตปรากฏขึ้นจริงๆ ก็โดยดูจากเอกสารหรือบันทึกต่างๆ ที่กล่าวถึงในอดีตที่ผ่านมา แต่สิ่งมีชีวิตบางประเภทคนจำนวนมากไม่เชื่อว่ามีอยู่จริงคิดว่ามีเฉพาะในเทพนิยายหรือเป็นนิทานเล่าต่อๆ กันมา รวมทั้งเรื่องของคนและสัตว์สามารถพูดจาสื่อสารกันได้ แม้แต่เรื่องวิญญาณ สมัยที่พวกเรามาไม่มีใครสงสัยเรื่องพวกนี้เลย พวกเราเห็นเราทำกันอยู่ประจำ อย่างเช่นสมัยเรา สุนัขสามารถ เป็นทั้งตำรวจ และ หมอ ได้เนื่องจากสามารถดมกลิ่นรู้เลยว่าใครเป็นตัวการแถมบอกย้อนหลังเป็นสิบๆ ปีได้ด้วย และแยกกลิ่นโรคภัยไข้เจ็บออกได้จากร่างกายหรือลมหายใจของมนุษย์และสัตว์ได้ ส่วนปลาฉลามก็ทำหน้าที่อยู่ในกรมอุตุวิทยาเป็นหน่วยบอกเหตุเวลาจะมีพายุมรสุม พวกแมลงสาบก็อยู่ในแผนกนี้เหมือนกันแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองเอาไว้บอกเหตุเวลาจะมีน้ำท่วม”
ดร. อาจง แววตาเป็นประกาย “ โอโห อะไรมันจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ แล้วในอนาคตเรายังมีการนับถือศาสนาอยู่หรือเปล่า”
รวินันท์ “ มีซิครับ แต่ที่ต่างกันกับตอนนี้คือไม่มีการอ้างศาสดาองค์ไหนดีกว่าองค์ไหน ศาสนาหรือลัทธิไหนดีกว่ากัน มีแต่บูชาคุณงามความดีและสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลกทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต เรานับถือทุกอย่างที่เป็นความดีงามไม่มีแบ่งแยก”
ดร. อาจง มีคำถามมากมายอยากจะถาม “ ยวดยานพาหนะในปี 3210 เป็นอย่างไรบ้าง”
จารุกร “ ยานของเราไม่เหมือนกับสมัยนี้ แต่ให้ใกล้เคียงก็คือจะเป็นแบบที่คนในสมัยนี้เรียกกันว่าจานบินนั่นแหละครับ
ยุคถัดจากนี้ไป รถยนต์จะใช้เชื้อเพลิงต่างๆกัน มีทั้งน้ำมัน แบตเตอรี่ ก๊าซชนิดต่างๆ มีรถยนต์ขับได้ทั้งบนน้ำและบนบก แต่ที่นิยมมากที่สุดก็คือรถใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ชาร์ตครั้งเดียวต่อไปเวลาขับไปก็จะชาร์ตไปในตัวก็คือไม่ต้องเติมน้ำมันเติมแก๊สให้ยุ่งยากต่อไป และไม่เกิดมลภาวะด้วย และก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มาจนเป็นยานอย่างที่เราใช้กันในปี 3210 นี้ คนบินได้ด้วยชุดบิน ซึ่งมีหลายแบบเป็นแบบเก้าอี้นั่งก็มี แบบยืนก็มี บินด้วยเครื่องไอพ่นเครื่องส่งด้วยแก๊สแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ที่ฮิตคือชุดบินที่เป็นระบบต้านแรงโน้มถ่วง แบบเดียวกับที่ใช้กับยานและก็มีชุดบินที่ติดใบพัดแบบคอปเตอร์เข้าไปด้วยก็ไม่ค่อยนิยมเหมือนกัน”
ดร. อาจง ถามต่อไปอีก “ บ้านเรือนในสมัยนั้นเป็นยังไง”
อุชุกร “ บ้านที่เราอยู่กัน เป็นรูปโดมคล้ายๆหมวกกันน็อค ถ้าดูไกลๆ ก็คล้ายๆกับลูกกอล์ฟตั้งอยู่บนไม้ที สร้างไว้ป้องกันพายุแผ่นดินไหวน้ำท่วม ลูกเห็บและอุกาบาตครับ”
การสนทนาก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนใกล้เวลานัดที่จะไปทำการบันทึกเทปรายการ “ ที่นี่ตีสนิท” ของพิธีกรชื่อดัง คุณหมอโคอัญชัญและพรหล้าจึงพาหนุ่มทั้ง 3 บอกลา ดร. อาจง ดร. อาจงบอกรู้สึกเสียดาย ยังมีคำถามอีกมากมายอยากจะถาม
ก่อนจะกลับจารุกรได้ถามคำถามสำคัญคำถามเดียวกับ ดร. อาจง ว่า " ท่านครับ ท่านทราบเรื่องเกี่ยวกับสูตรต้านภาวะโรคร้อนไหมครับ"
ดร. อาจง ตอบว่า " ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ ผมเชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับชิ้นส่วนหุ่นยนต์มากกว่า"
คำตอบนี้สร้างความผิดหวังให้กับทั้ง 3 หนุ่ม เพราะรู้ว่าพวกเขายังไม่สามารถถอดปริศนาของรหัส 6 ตัวได้
พรหล้าส่งเงินให้รวินันท์ปึกหนึ่งบอกว่าให้แบ่งกับเพื่อนๆด้วย เป็นรายได้จากค่าตัวที่ไปออกโฆษณาบางส่วน ส่วนใหญ่บริจาคการกุศลไป อุชุกรและจารุกรบอกให้รวินันท์เป็นคนเก็บ พวกเขาขี้เกียจถือเงิน
ดร. อาจง หลังจากทุกคนกลับไปแล้ว ก็มีสีหน้าครุ่นคิด พูดพึมพำกับตัวเองว่า " สูตรต้านภาวะโรคร้อน สูตรต้านภาวะโรคร้อน อืม น่าคิด น่าคิด"
VIDEO
บทนำ
อ่านตอนต่อไป