ตอนที่ 24 ชีวิตความเป็นอยู่ในปี 3210
ในเช้าวันนี้บรรยากาศในบ้านของ ดร. อาจง คึกคักเป็นพิเศษ หลายปีที่ผ่านมา ดร. อาจง ไม่ค่อยรับแขก ส่วนใหญ่จะอยู่คนเดียวในบ้าน ไม่ค่อยได้ไปไหน แต่วันนี้นอกจาก 2 สาว พรหล้าคนสวยและโคอัญชัญผู้น่ารักแล้ว ก็ยังมี 3 หนุ่มนักเดินทางสุดหล่ออีกด้วย พอเริ่มต้นได้คุยกัน ก็รู้สึกว่าจะหยุดไม่อยู่เหมือนกับว่าทั้ง ดร. อาจง และ หนุ่มทั้ง 3 เป็นเพื่อนเก่าที่สนิทกันมานานโดยไม่มีเรื่องอายุมาเป็นอุปสรรค ดร. อาจง จะเป็นคนถาม 3 หนุ่มจะช่วยกันตอบ ส่วน 2 สาวนั้นถึงแม้ว่าจะเกือบไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เรื่องที่ทั้ง 4 คุยกันล้วนแต่น่าสนใจจึงตั้งใจฟังอยู่ตลอดเวลา
ดร. อาจงเปิดฉากถาม 3 นักเดินทาง 3210 ทันทีที่เห็นหน้า “ พวกเรามาจากอนาคตปี 3210 จริงหรือนี่ แล้วมากันยังไงล่ะ”
3 หนุ่มมีความหวังว่า ดร. อาจง อาจเป็นนักวิทยาศาตร์ที่พวกเขากำลังสืบหาตัวอยู่ จึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
อุชุกรเป็นคนตอบ ดร. อาจง คนแรก “ พวกเราถูกส่งมาด้วยเครื่องแปลงมวลสารโดยทำให้เป็นคลื่นพลังงานความถี่ความเร็วเหนือแสง แล้วก็พลังงานนี้ก็ถูกควบคุมบังคับให้มาปรากฏในสถานที่และเวลาที่ถูกกำหนดไว้ครับ”
ดร. อาจงพยักหน้า " อ้อ อย่างนี้นี่เอง" มีความสนใจและสงสัยจึงถามต่อ “ ถ้าส่งคนมาได้อย่างนี้ ทำไมไม่ส่งคนจากอนาคตมากันเยอะๆ มาช่วยเหลือโลกในปัจจุบันนี้ล่ะ”
อุชุกร “ เพราะเราไม่แน่ใจว่า มากันเยอะๆ จะทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปทางไหนนะซิครับ เช่นถ้าโลกไม่เหลือคนแค่ 120 ล้านคน มนุษย์จะยังรักกันสามัคคีกันไหม เราก็ไม่แน่ว่าอาจฆ่ากันเองเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ ทีนี้เวลาเราส่งนักเดินทางอย่างพวกเรามา ทางโน้นเขาก็คอยประเมินผลอยู่ตลอดเวลาว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ถ้าดีเราก็ส่งมาอีก ถ้าไม่ดีเราก็หยุด หรือส่งคนมาเปลี่ยนกลับอย่างเดิม เราจึงต้องทำแผนที่เส้นทางการเดินทางที่ไปในอดีต หรืออนาคตอย่างละเอียดและอัพเดททุกวัน ตลอดเวลา งานและหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเราก็อยู่ส่วนนี้ คือจะไปไหนมาไหนทำอะไรปีไหนยุคไหนต้องคอยตรวจสอบเส้นการเดินทางและความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่เสมอเพื่อเอามาเปรียบเทียบกับของเดิมที่มีอยู่”
ดร. อาจง แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “ หา! ไปดูอนาคตได้ด้วยหรือ แล้วไปอนาคตไปดูไปเห็นอะไรบ้างล่ะ”
จารุกร “ ก็เห็นความเจริญก้าวหน้าและดูว่าปัจจุบันเราทำดีหรือยังและมีผลเปลี่ยนแปลงอนาคตอย่างไร”
ดร. อาจง ถามต่อด้วยความสงสัย “ ในเวลานี้เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรล่ะว่า เราสามารถไปทั้งอนาคตและอดีตได้จริงๆ”
รวินันท์ “ เวลานี้อาจยังพิสูจน์ไม่ได้ ถ้าเป็นอนาคตได้แน่นอนครับ แต่มีคนจำนวนมากรู้สึกได้ เช่น มีเหตุการณ์บางเหตุการณ์ถูกเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งแต่คนทั่วไปไม่ทราบ ในเวลานี้มีคนจำนวนมากเวลาเจอเหตุการณ์อะไรมักจะรู้สึกเหมือนว่าเคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้วหลายครั้งก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ คือเคยผ่านมาแล้วหลายครั้งจริงๆ แต่เจ้าตัวไม่รู้ ยังหลงอยู่แต่ในปัจจุบันคิดว่าเคยเกิดขึ้นครั้งเดียว”
ดร. อาจง ยิงคำถามไม่หยุด “ แล้วชีวิตประจำวัน ของคนในปี 3210 เขาทำอะไรกันบ้างล่ะ”
รวินันท์ “ ชีวิตประจำวัน หลักๆ ก็คือหลังตื่นนอน เราก็เตรียมการไว้เลยว่า วันนี้จะต้องทำคะแนนเครดิตเท่าไหร่ สมัยเราไม่ใช้เงินกันแล้วครับ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนจะต้องเข้าเครื่องสแกนเครดิตว่ามีติดตัวเท่าไหร่บางคนมากบางคนน้อย จะมีศูนย์ข้อมูลกลางระบุไว้เลยว่า เด็กที่เพิ่งเกิดแต่ละคนต่อไปอนาคตควรจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อเพิ่มเครดิต”
ดร. อาจง ยิ่งได้ฟังคำตอบก็ยิ่งอยากรู้เพิ่มเติมขึ้นไปอีก “ มันจะเหมือนกับเป็นความดี หรือบุญกุศลที่ติดตัวคนแต่ละคนไหม เจ้าเครดิตเนี่ย”
จารุกร “ มันก็คล้ายๆกับความดีนั่นแหละครับ แต่ว่าคนเรายึดติดความดีมานานแล้วเข้าใจว่าทำอย่างนั้นดีทำอย่างนี้ไม่ดี แต่ความจริงแล้ว บางทีเราคิดว่าเราทำดีแล้วแต่ไปทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน บางคนที่คิดว่าเขาทำไม่ดีแต่ปรากฏว่ามีผลดีกับคนส่วนใหญ่ สมัยเราจึงวัดกันด้วยคะแนนสะสมการทำประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่เรียกว่าเป็นเครดิต”
ดร. อาจง ถามต่อ “ แล้วเคยมีโกงเครดิตกันบ้างไหมล่ะ”
รวินันท์ “ มันโกงกันยากมากน่ะครับ เรียกได้ว่าเกือบไม่มีโอกาสโกงได้เลยเพราะว่าเครื่องสแกนต้องใช้ตลอดเวลาไปไหนมาไหน ทำกิจกรรมอะไร ทุกอย่างต้องสแกนกันตลอด คนที่โกงได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะทุกคนสามารถจะทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการได้อยู่แล้วรัฐบาลกลางเขาจัดให้”
ดร. อาจง เกิดความสงสัย “ อ้าว! ถ้าคนส่วนใหญ่อยากจะกินกินนอนนอนไม่ทำงานทำการอะไร อย่างนี้รัฐบาลกลางเขาจะจัดให้หรือ”
จารุกร “ จัดให้ซิครับ เราเรียกว่าเป็นพวกอาสาสมัคร ได้รับการยกย่อง เพราะว่าอาสาสมัครเหล่านี้ ร่างกายจะอ้วนเป็นแหล่งรวมของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะทำหน้าที่ทดลองตัวยาต่างๆที่โรงงานผลิตยาผลิตออกมา พวกเขาทำหน้าที่เสียสละร่างกายของเขาทดลองยาเพื่อพวกเราจึงได้รับการยกย่อง อย่างนี้ก็ได้เครดิตมากเหมือนกัน”
ดร. อาจง พยักหน้าพอใจในคำตอบ แต่ยังถามคำถามไม่ถึงครึ่งของที่ยังอยากรู้ จึงถามต่อไปอีกว่า “ โลกยุคนั้นยังมีอาชญากรรมไหม”
อุชุกร “ มีซิครับ แต่คนทำผิดน้อยลงเรื่อยๆ ต้องคุ้ยคดีย้อนหลังกลับไปถึง 300 ปี อีกไม่กี่ปีคงถึงปีที่เราอยู่ตอนนี้แหละครับ ที่ไม่มีคนทำผิดก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำผิดไปทำไม ทุกคนเกิดมารู้ความแล้วสามารถเลือกได้ว่าตัวเองจะใช้ชีวิตอย่างไร โดยที่รัฐบาลกลางจะเป็นคนจัดสรรให้”
ดร. อาจง “ แล้วพวกขโมยล่ะมีไหม”
รวินันท์ “ ไม่มีขโมยครับ ไม่มีเหตุผลที่ต้องขโมย ไม่รู้จะขโมยไปทำไม ใครอยากได้อะไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงเอาไปเจ้าของก็ไม่เดือดร้อน ดีซะอีก เพราะว่าส่วนใหญ่เขาก็อยากทิ้งของอยู่แล้ว ปกติถ้าใครจะทิ้งของอะไรต้องเอาไปทิ้งที่ศูนย์ของใช้แล้ว มีคนมาหยิบไปก็สะดวกดีไม่ต้องเดินทางไป ใครอยากได้อะไรสามารถไปเลือกหยิบได้ตามสบายที่ศูนย์ของใช้แล้ว มีของทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบจริงๆครับ ในสมัยปี 3210 คนทุกเชื้อชาติหันมาสามัคคีกันไม่มีการแบ่งพวกอีกต่อไป มีแต่จะร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์แต่สิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับสังคมส่วนรวม โดยตนเองก็ได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นไปด้วย
ไม่มีของเสีย ทุกอย่างนำกลับมาใช้ได้หมด มูลขยะของเหลือใช้ทุกอย่างจะถูกส่งไปแยกในโรงงานต่างๆเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ นำกลับมาใช้ได้อีก ทุกบ้านนอกจากมีท่อประปาท่อก๊าซแล้ว ยังมีท่อน้ำทิ้งของเสียต่างๆทั้งจากห้องส้วม ห้องครัวและห้องน้ำ ต่อกลับไปยังโรงงานแยกกากและบำบัดน้ำ เราสามารถแยกไฮโดรเจนจากน้ำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนยาน เราจึงมีแหล่งพลังงานเหลือเฟือจากน้ำอย่างไม่จำกัด ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม
แต่พวกเราจะลำบากหน่อยตรงที่ต้องแยกพวกขยะที่เป็นเศษอาหาร กระดาษ โลหะ พลาสติก ไม้ แล้วเราต้องนำไปส่งให้กับหน่วยงานต่างๆเอง วิธีนี้ทำให้คนไม่พยายามสร้างขยะ เราสามารถลดขยะตามบ้านลงได้เกือบ 100% สุวรรณประเทศของเราก็เป็นประเทศที่ริเริ่มโครงการนี้ แม้จะถูกนานาประเทศหัวเราะเยาะในตอนแรกและประชาชนในประเทศบ่นไม่พอใจ แต่ต่อมาระบบนี้ก็ใช้กันทั่วโลก”
VIDEO
บทนำ
อ่านตอนต่อไป