Login Name:
Password:
Language :
Remember

 

 


 

ตอนที่ 22 โรงพยาบาลตำรวจ
 

 

หลังจากที่ 3 หนุ่มฮีโร่ได้มาถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลโดยมีกลุ่มนายตำรวจเป็นผู้นำตัวมา ก็ได้มีการทำทะเบียนประวัติคนไข้ วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก วัดอุณหภูมิ วัดความดัน ตรวจเลือด ตรวจสภาพร่างกายแล้ว นอกจากนั้น 3 หนุ่มยังได้รับโปรโมชั่นพิเศษได้รับการพิมพ์ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และถ่ายรูปทั้งด้านตรงด้านข้างพร้อมทั้งถือป้ายข้อความว่า “เข้าเมืองผิดกฏหมาย” อีกด้วย
 

พยาบาลถามชายหนุ่มทั้ง 3 ว่า “มีอาการเจ็บปวดที่ตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ
 

รวินันท์ คนเดียวตอบว่า “ไม่ครับ
 

อุชุกรและจารุกรตอบเกือบพร้อมกันว่า “ปวดใจนิดหน่อยครับ
 

พยาบาล “ปวดที่ตรงไหนหรือคะ
 

จารุกรบอกว่า “ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ” จริงแล้วปวดใจผิดหวังที่พรหล้าไม่ได้มาด้วย
 

อุชุกรไม่ตอบแต่กลับถามว่า “คุณหมอโคอัญชัญ ไม่อยู่หรือครับ
 

พยาบาล “คุณหมอจะมาพรุ่งนี้เช้า 10 นาฬิกาค่ะ
 

อุชุกร “อ้อ งั้นผมก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะครับ

 

ทั้ง 3 คนไข้พิเศษ ได้รับประทานอาหารในห้องผู้ป่วยอย่างเอร็ดอร่อย

อุชุกรก่อนจะนอนได้ออกมาทักทายจ๊ะเอ๋ กับตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องด้วย “เข้ามานอนในห้องก็ได้นะครับ ยังมีที่ว่างเหลือ เรานอนเบียดกันก็ได้
 

ขอบคุณครับ ไม่เอาดีกว่าครับ ราตรีสวัสดิ์กู๊ดไนท์ ครับผม” ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ท่านนี้ได้รับคำสั่งให้มาเฝ้า 3 ผู้ต้องสงสัยปล้นสนามบินตอบ

 

ในห้องนอนผู้ป่วยอุชุกรจัดหมอนที่เตียงของเขาให้เข้าที่เสร็จแล้วก็บอกกับเพื่อนทั้งสองว่า

หลับดีกว่า วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน” ปรากฏว่าเพื่อนทั้งสองหลับไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนออกไปทักทายกับโปลิศหน้าห้อง แถมแข่งกันกรนเสียงดังเสียด้วย

 

วันรุ่งขึ้นคุณหมอโคอัญชัญมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า เหตุการณ์ที่อุชุกรเอาตัวเข้าบังตัวคุณหมอไว้เพื่อรับกระสุนปืนแทน ถึงแม้ว่าโชคดีที่ปืนไม่ได้เล็งมาที่คุณหมอ แต่ความจริงอันนี้ทำให้ท่าทีของโคอัญชัญที่มีต่ออุชุกรเปลี่ยนไป เมื่อพบหน้า 3 หนุ่มนักเดินทางจึงตรงเข้าไปคุยกับอุชุกรเป็นคนแรก

กินอะไรมาหรือยัง” โคอัญชัญถามอุชุกร “นอนหลับสบายไหม อยากให้รู้นะว่าเป็นห่วง” คุณหมอถามต่อเป็นชุด “วันนี้ถ่ายกี่ก้อน ลักษณะเป็นอย่างไร เห็นท้องไส้ไม่ค่อยปกติอยู่ไม่ใช่เหรอ” ว่าพลางก็เอามือแตะที่หน้าผากอุชุกร “ดูซิว่าตัวร้อนไหม
 

อุชุกรตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร และไม่รู้ด้วยว่าหมอจะมาไม้ไหน รู้แต่ว่า ตัวเองรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวตลอดเวลา
 

โคอัญชัญเห็นว่าอุชุกรไม่เป็นอะไรก็เลยพูดกับทั้ง 3 คนว่า

คราวนี้ดิฉันขอตรวจอย่างละเอียดทุกคนเลยนะคะ

 

คุณหมอได้พาตัวชายหนุ่มทั้งสามคนขึ้นลิฟต์ไปอีกสองชั้น แล้วพาเข้าไปในห้องตรวจซึ่งเป็นห้องใหญ่ ถัดจากห้องนี้ ก็มีห้องเล็กอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่มีเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า MRI (Magnetic Resonance Imaging) ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา และจิตแพทย์มีความเชื่อว่าการใช้ MRI นั้นน่าจะแม่นยำกว่า โพลีกราฟ เพราะเจาะลงไปที่การวัดทางตรงเลยนั่นคือใช้เครื่องมือตรวจสอบการทำงานของสมองอย่างละเอียดซึ่งเป็น จุดเริ่มต้นของการพูดเท็จนั่นเอง ก็คือการสังเกตการทำงานของสมอง มากกว่าที่จะสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากการพูดเท็จตามที่ใช้ โพลีกราฟ กระทำอยู่

 

คุณหมอโคอัญชัญได้เคยใช้เครื่องมือจับเท็จใหม่ในแนวนี้ โดยทดลองกับนักโทษ 15 คน และสามารถจับเท็จได้ใน 14 คน ที่เหลือ 1 คนเป็นโรคจิตประสาท

การทดลองกระทำโดยให้นักโทษนอนอยู่บนเตียงใต้เครื่อง MRI และตอบคำถามนับร้อยคำถามที่ปรากฏบนจอ และเครื่อง MRI ก็จะตรวจและบันทึกการทำงานของสมองทุกส่วน โดยเริ่มจากคำถามที่ตอบได้ง่ายๆ ว่าจริง เช่น กำลังหายใจอยู่ หนึ่งปีมี 12 เดือน กำลังนอนอยู่บนเตียง ฯลฯ และคำถามที่ลึกลงไปเช่นเคยกระทำความผิดทางกฏหมายหรือศีลธรรม ฯลฯ โดยกดปุ่มว่าใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น

ก่อนหน้าการทดลองได้ขอประวัตินักโทษจากแฟ้มประวัติและถามคำถามต่างๆ ผู้ตอบก็กดปุ่มใช่หรือไม่ โดยจะพูดเท็จหรือไม่ก็ได้ จากนั้นก็ถามอีก 80 คำถามโดยถามสองครั้งเวียนไปมาเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลการทำงานของสมองสำหรับคำถามเดียวกัน แต่อาจมีสองคำตอบ

คอมพิวเตอร์โปรแกรมจะรวบรวมข้อมูลการทำงานของสมองทั้งหมดยามเมื่อพูดจริงจากคำถามง่ายๆ และที่ซับซ้อน และยามเมื่อพูดเท็จ เพื่อเปรียบเทียบการทำงานของสมอง

ถ้าต้องการพิจารณาว่าข้อความใดเป็นเท็จ ก็นำข้อมูลการทำงานของสมองจากการให้การนี้ไปเปรียบเทียบกับแบบแผนการทำงานของสมองยามเมื่อพูดข้อความที่เป็นจริง ถึงแม้การทดลองจะอยู่ในขั้นต้น แต่ก็พบอย่างชัดเจนว่ายามใดเมื่อพูดเท็จ ส่วนของสมองที่เกี่ยวพันกับการตอบ จะมีการทำงานคึกคักกว่าข้อความที่เป็นจริง ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นผลมาจากว่าเมื่อพูดเท็จ ส่วนนั้นของสมองต้องกระทำ 3 สิ่งพร้อมกันคือ (1) คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง จึงต้องคิดว่าจะตอบอย่างไร (2) พยายามหยุดการพูดความจริงออกมา ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ และ (3) ต้องคิดหาคำตอบเท็จ

 

คุณหมอโคอัญชัญเชื่อว่าเครื่องจับเท็จMRI มีความแม่นยำมาก เพราะอาศัยการพิจารณาภาพการทำงานของสมอง แต่เนื่องจากการใช้เครื่องMRI นี้สำหรับจับเท็จนั้นยังอยู่ในเพียงขั้นทดลองจึงยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก

 

คุณหมอได้ให้จารุกรและรวินันท์นั่งรอด้านนอกตรงห้องใหญ่ และนำตัวอุชุกรเข้าห้องที่มีเครื่อง MRIเพราะต้องการจะตรวจอุชุกรก่อน

ต่อไปนี้เป็นการสนทนาระหว่างคุณหมอกับอุชุกรระหว่างที่กำลังจะขึ้นเตียงใต้เครื่อง MRI เพื่อตรวจสอบ

โคอัญชัญ “น้องอุเข้าห้องมานี่เร็วมีอะไรจะให้ดู
 

อุชุกร “ครับมีอะไรหรือครับ
 

โคอัญชัญ “แอ่นแอนแอ๊น นี่ไงเห็นหรือยัง
 

อุชุกร “อ๋อมันก็ใหญ่และนุ่มดีนี่ครับ” ว่าพลางก็ใช้มือกดเตียงดูสองสามครั้ง
 

โคอัญชัญ "ขึ้นมาบนนี้สิ
 

อุชุกร “คุณหมอเรียกให้ผมขึ้นเตียงหรือครับ จะดีหรือครับ เรียกผมมาขึ้นเตียงเนี่ยนะ
 

โคอัญชัญ “ไม่ต้องกลัวน่า พี่ไม่ทำอะไรน้องหรอก อย่ากลัวไปเลย
 

อุชุกร “คราวที่แล้วคุณหมอทำผมจนช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว ยังเจ็บอยู่เลย
 

โคอัญชัญ “เอาน่าครั้งแรกมันก็ต้องเจ็บหน่อย ต่อไปก็ดีขึ้นเอง
 

งั้นผมยอมขึ้นเตียงก็ได้ แต่คุณหมอต้องสัญญานะครับว่าครั้งนี้จะค่อยๆทำไม่ทำให้ผมเจ็บอีก
 

โคอัญชัญ “เออน่าสัญญา มาขึ้นเตียงเร็ว ถอดนี่ออกด้วย
 

อุชุกร “ต้องถอดด้วยหรือครับเนี่ย
 

โคอัญชัญ “บอกถอดก็ถอดซิ
 

อุชุกร “แลัวนี่ต้องถอดด้วยหรือเปล่าครับ
 

โคอัญชัญ “ถอดออกให้หมดนั่นแหละ
 

ครับ ถอดแล้วครับ” อุชุกรถอดรองเท้าออกกำลังจะถอดเสื้อและกางเกง
 

อุชุกร “ปิดไฟก่อนได้ไหมครับ
 

โคอัญชัญ “เปิดไฟน่ะดีแล้ว เห็นอะไรชัดดี
 

อุชุกร “ผมขอปิดไฟดีกว่าครับ
 

โคอัญชัญ “เอ้าปิดก็ปิด เอาละนะจะปิดไฟแล้วนะ” หมอเอื้อมมือไปปิดสวิทซ์ไฟของห้องเหลือเฉพาะไฟตรงบริเวณเครื่อง MRI พร้อมทั้งชี้ไปที่ชุดที่เตรียมไว้ให้ และบอกว่า "เอ้าถอดเสื้อผ้าออกแล้วก็ใส่ชุดนี้แทน ชุดผูกทางด้านหลังนะ"
 

อุชุการทำตามอย่างว่าง่ายรู้สึกตื่นเต้นบอกไม่ถูก สักพักก็ได้ยินเสียงอุชุกรครางเบาๆ
 

อุชุกร “โอย
 

โคอัญชัญ “ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้องทำไม
 

อุชุกร “อย่าทำอย่างนี้ซิครับ มันเสียวนะครับ เดี๊ยวมีใครมาเห็นเข้า
 

โคอัญชัญ “ไม่มีใครเห็นหรอกน่า อย่าสำออยไปหน่อยเลย
 

อุชุกร “แน่ใจนะครับว่า เราควรทำแบบนี้
 

โคอัญชัญ “ใครๆที่เขามาที่ห้องนี้เขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละไม่ต้องกลัว
 

อุชุกร “อย่าครับ มันจักกะจี้
 

โคอัญชัญ “ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จักกะจี้อะไร
 

อุชุกร “สงสัยผมจะปวดท้องอึอีกแล้วครับ
 

โคอัญชัญ “ว้ายุ่งจริง รีบไปรีบมา” คุณหมอเปิดสวิทซ์ไฟ ไล่อุชุกรไปทำธุระให้เรียบร้อย
 

และเพื่อไม่ให้เสียเวลาคุณหมอโคอัญชัญจึงต้องให้จารุกร และรวินันท์เข้าเครื่อง MRIตรวจก่อน อุชุกรตรวจเป็นคนสุดท้าย

 

บทนำ

อ่านตอนต่อไป

Tag: เรียนออสเตรเลีย,ศึกษาออสเตรเลีย,เรียนต่อออสเตรเลีย,ศึกษาต่อออสเตรเลีย,เรียนต่อต่างประเทศ,ศึกษาต่อต่างประเทศ,ประเทศออสเตรเลีย,ออสเตรเลีย,ไปออสเตรเลีย,ศูนย์แนะแนวการศึกษา,แนะแนวการศึกษา,ให้ข้อมูลการศึกษาต่อ,เรียนและทำงาน,เรียนภาษา,เพลงสากล,สมัครเรียนต่อออสเตรเลีย,สมัครเรียนต่อ,เรียนและทำงานในออสเตรเลีย,เรียนและทำงานในต่างประเทศ,หางานที่ออสเตรเลีย,เรียนต่อปริญญาตรี,เรียนต่อปริญญาโท,จัดหาหลักสูตร,คำตอบศึกษาต่อ,งานสัมมนาศึกษาต่อต่างประเทศ,นิทรรศการศึกษาต่อต่างประเทศ,สถาบันการศึกษาออสเตรเลีย,มหาวิทยาลัยออสเตรเลีย,ปริญญาตรี,ปริญญาโท,ปริญญาเอก,อนุปริญญา,ปริญญาออสเตรเลีย,ประกาศนียบัตรออสเตรเลีย,โรงเรียนในออสเตรเลีย,อุดมศึกษาออสเตรเลีย,หลักสูตรออสเตรเลีย,ระบบการศึกษาออสเตรเลีย,ใช้ชีวิตออสเตรเลีย,คำถามเรียนต่อออสเตรเลีย,ขอวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย,อยู่ถาวรออสเตรเลีย,คนไทยในออสเตรเลีย,นักเรียนไทยในออสเตรเลีย,เรียนต่อที่ไหนดี,การศึกษาออสเตรเลีย,การเรียนออสเตรเลีย,หางานร้านอาหารไทยออสเตรเลีย,ร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย,ทำงานร้านอาหารไทย,ร้านอาหารไทย,เรียนต่อ,ศึกษาต่อ,ทำงาน,หางาน,อนาคตดี,อนาคตที่ดี,เลือกอาชีพ,ช้อปปิ้ง,ซึ้อของ,ตัวอย่างภาพยนตร์,ความสำเร็จในหน้าที่การงาน,ทำงานทั่วโลก,ภาษาอังกฤษออสเตรเลีย,เรียนภาษาออสเตรเลีย,บริหารออสเตรเลีย,ธุรกิจออสเตรเลีย,คอมพิวเตอร์ออสเตรเลีย,พยาบาลออสเตรเลีย,ที่พักออสเตรเลีย,เดินทางออสเตรเลีย,เรียนเมล์เบิร์น,ศึกษาเมล์เบิร์น,เรียนต่อเมล์เบิร์น,ศึกษาต่อเมล์เบิร์น,เมล์เบิร์น,Study in Australia,Education in Australia,Study in Melbourne,Melbourne courses,Melbourne

© Contact Qualified Education Agent Counsellor
9A Swallow Street, Werribee, Victoria 3030 Australia
Tel. +613-8714-5089 , +614-0541-0152

Copyright 2010 www.australiastudyplace.com Allright reserved
Best view on Internet Explorer version 6.0 or 7.0up