ตอนที่ 19 ขับเครื่องบิน
พวกโจรทั้งหมดถูกมัดมือไพล่หลังไว้มัดเท้าสองข้างติดกัน นั่งรวมกันอยู่ที่พื้นหน้าห้องสำนักงานที่ครอบครัวนายมะห่ำถูกควบคุมตัวอยู่
มะห่ำใช้โทรศัพท์มือถือของไอ้พี่เชิดโทรหาพรหล้า แจ้งข่าวเรื่องการจับผู้ร้ายตัวจริงและการช่วยเหลือครอบครัวได้สำเร็จโดยปลอดภัยให้ทราบ "ฮัลโหล สวัสดีครับคุณพรหล้า ผมตอนนี้อยู่ที่โกดังของบริษัทสหการฟาร์มเกษตรรุ่งเรืองประเทืองปัญญาฤทธิกุลจังหวัดสองเครือนะครับ น้อง 3 คน ที่พาผมออกมาจากโรงพักสน ทองหยอดกับผมได้ช่วยกันจับพวกโจรได้ทั้งหมดและช่วยคนในครอบครัวของผมได้แล้วครับ ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยดี พวกผมกำลังจะกลับเมืองถุงเงิน และเอาเงินบางส่วนที่เอามาไปคืน ก็เลยโทรมาแจ้งข่าวให้ทราบครับ"
พรหล้า "นับว่าเป็นข่าวดีนะคะ แล้วไปถึงที่นั่นกันได้ยังไงคะ คุณมะห่ำ"
มะห่ำ "เรื่องมันยาวครับแถมยังเหลือเชื่ออีกต่างหาก ผมเองยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย น้องๆเขาช่วยกันจับพวกโจรได้ทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ตอนนี้นอกจากจะแจ้งเรื่องนี้ให้คุณพรหล้าทราบแล้ว อยากขอรบกวนคุณพรหล้าช่วยประสานงานให้ตำรวจที่นี่ช่วยมาจับตัวพวกโจรที่อยู่ที่นี่ไปด้วยครับ"
พรหล้า "ค่ะ ดิฉันยินดีประสานงานให้ค่ะ"
มะห่ำ "ครับ ขอบคุณมากเลยครับ เดี๋ยวเจอกกันที่ถุงเงินเราค่อยคุยรายละเอียดกันอีกทีนะครับ"
พอมะห่ำพูดจบ จารุกรก็ขอคุยต่อ “พี่พรหล้าหรือครับ ผมจารุกรนะครับ พี่กำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ค่ะ” พรหล้าตอบพยายามที่จะไม่ให้มีน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งที่จริงเธอตื่นเต้นรู้สึกชื่นชมในตัวจารุกรและความสามารถของเขา อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด แต่พยายามปกปิดรักษากิริยาเอาไว้
“เหมือนกันเลย ผมก็กำลังพูดโทรศัพท์อยู่เหมือนกัน ผมคิดถึงพี่มากเลยนะครับตั้งแต่ออกจากโรงพักมาเลย” จารุกรน้ำเสียงดีใจที่ได้พูดคุยกับพรหล้าไม่มีการกั๊กหรือปกปิดความรู้สึกอะไร
“น้องเก่งจังเลยนะคะ จับผู้ร้ายได้หมดเลย แถมยังช่วยครอบครัวของคุณมะห่ำได้ครบทุกคนอย่างปลอดภัยด้วย” นักข่าวสาวตอบตามความรู้สึก
“แหมผมก็ไม่อยากจะคุยอะไรมากหรอกนะครับ แต่แค่นี้ธรรมดาครับ เรื่องจิ๊บจิ๊บมากครับ ถ้าได้เจอกันกับพี่บ่อยๆ ก็ดีซิครับ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น และพี่ก็จะเห็นว่าผมมีความสามารถมากมายขนาดไหน” จารุกรพูดอวดหวังจะเพิ่มคะแนนนิยมให้พรหล้าประทับใจในตัวเขามากขึ้น
“อ้อ ความสามารถอย่างอื่นก็พอจะทราบมาบ้างนะคะ อย่างเช่น โชว์ล้อนจ้อนกลางตลาดใช่ไหมคะ” พรหล้าเบรค
“ชะอุ๋ย อันนั้นไม่ใช่ความสามารถหรอกครับ มันเป็นอุบัติเหตุนิดหน่อย พี่อย่าพูดถึงบ่อยซิครับ เดี๋ยวถึงถุงเงินแล้วเราจะได้พบกันไหมครับ” จารุกรรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ได้พบซิคะ เดี๋ยวจะไปรอรับที่สนาบบินเลย พี่จะประสานงานให้ตำรวจไปรับตัวทุกคนกลับมา” นักข่าวสาวเน้นคำว่าพี่ เพื่อต้องการจะเตือนตัวเองและจารุกรว่าเธออายุมากกว่านะ อย่าบังอาจมาเล่นของสูง
“ดีใจจัง ไชโย งั้นเดี๋ยวผมขับเครื่องบินไปหาพี่เลย” จารุกรดีใจออกนอกหน้า
พรหล้า "น้องจาชับเครื่องบินได้จริงๆเหรอค่ะ อย่าดีกว่ามั้งคะ"
จารุกร "ได้ซิครับ คิดถึงพี่อยากไปเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวเจอกันครับ"
พรหล้าพอวางสายเสร็จก็โทรเข้าสำนักพิมพ์คมเฉาะลึกทันทีเพื่อเรียกพรรคพวกมาทำข่าวใหญ่กันและโทรแจ้งข่าวกับ พล.ต.ต.วิบาก ให้ช่วยประสานงานเรื่องการควบคุมตัวเหล่าบรรดาสมุนโจรทั้งหลายรวมทั้งไอ้พี่เชิดที่ถูกจับไว้พร้อมเรื่องประสานงานกับท่าอากาศยานถุงเงินอีกด้วย
อุชุกรพอเห็นจารุกรวางสาย จึงถามว่า “รีบวางทำไม อยากคุยกับคุณหมอมั่ง”
“อยากคุยก็โทรซิ เอ้าโทรศัพท์” จารุกรยื่นโทรศัพท์ให้
“ไม่เอาดีกว่า ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้ว่าคุณหมอจะอยู่กับพี่พรหล้าหรือเปล่าด้วย” อุชุกรพอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้า
“ฮีโธ่ ไม่แน่จริง” จารุกร น้ำเสียงมีเยาะเย้ยเล็กๆ
นายดุ๊กถามจารุกร “พี่เป็นเทวดาหรือเปล่าครับ ยังไงก็ขอสมัครเป็นลูกน้องพี่ด้วยนะครับ เพราะว่าตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรทำ พี่ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตผมไว้ แล้วที่สำคัญคือผมอยากกลับตัวเป็นคนดี” แม้ว่าจารุกรจะเป็นเด็กกว่าแต่นายดุ๊กก็ยินดีเรียกพี่อย่างเต็มปากเต็มคำ
จารุกรไม่ตอบรับแต่เลี่ยงพูดว่า “ตอนนี้อย่างแรกเราคงต้องเอาเงินไปคืนตำรวจก่อน แล้วช่วยเป็นพยานให้ความร่วมมือกับตำรวจก็พอแล้วครับ พวกเราคงต้องรีบไปกันแล้วล่ะครับ อยากจะออกจากที่นี่ให้เร็ว”
นายมะห่ำเห็นจารุกรไม่ตอบรับก็ดีใจตบไหล่และพูดกับนายดุ๊กว่า “คิดดีแล้วหรือ ไอ้น้องว่ามาขอเป็นลูกน้องแล้วจะกลับตัวเป็นคนดีได้ พี่เจอน้องๆพวกนี้เขาก็ถูกตำรวจจับที่โรงพักเหมือนกัน” โดยไม่รอให้นายดุ๊กพูดอะไร ตัวนายมะห่ำเองมอง 3 หนุ่มจากโลกอนาตคด้วยสายตาอ้อนวอนแล้วพูดว่า “ถ้าจะรับลูกน้อง ยังไงก็ได้โปรดพิจารณารับผมเป็นลูกน้องไว้ใช้งานเป็นอันดับแรกนะครับ ลูกพี่มีพระคุณต่อผมและครอบครัวมากกว่าเจ้าดุ๊กนี่อีก”
อุชุกรบอกว่า “พวกเราไม่กล้ารับพี่ทั้ง 2 คนหรอกครับ เพราะพวกเราต้องไปติดตามคนร้ายปล้นสนามบิน งานออกจะอันตราย ผมว่าพี่ช่วยพาพวกเรา ไปมาลัยแลนด์ก็พอ ที่เหลือพวกเราจัดการเอง”
“ไอ๋เรื่องนั้นมันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สบายมากถือว่าเล็กน้อย” มะห่ำพูด
ดุ๊กพูดบ้างกลัวไม่มีส่วนร่าม “ถ้าพี่ต้องการบัตรเครดิตปลอม พาสปอร์ตปลอม ผมปลอม หนวดปลอม นมปลอม ผมหาให้ได้ทุกอย่าง รับรองปลอมตัวไปไม่มีใครจำได้แน่นอน”
ระวินันท์พูดบ้าง “ไอ้ปลอมๆทั้งหลาย เราไม่ค่อยอยากจะได้หรอกครับ ขอบคุณมากครับ ที่เราต้องการก็คือ แค่ไปถึงมาลัยแลนด์ก็พอ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณที่มีน้ำใจ”
จารุกรตัดบท “งั้นเรากลับถุงเงินกันเลย” ว่าแล้วก็นำคนทั้งกลุ่มประกอบด้วย 3 หนุ่ม ผู้ต้องสงสัยปล้นสนามบิน 1 โจรจำเป็น 1 โจรกลับใจ และครอบครัวของโจรจำเป็นรวมทั้งคนใช้ขึ้นเครื่องบินบรรทุกสินค้า ลำที่นายดุ๊กขับมา เด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ที่ได้นั่งเครื่องบินอีกรอบ เมื่อรอบขามา ตอนลงจากเครื่อง เด็ก 2 คนไม่ยอมลงจากเครื่องบิน อยากนั่งเครื่องบินวนอีก ต้องเอาคอมพิวเตอร์เกมส์เข้าล่อจึงยอมลงจากเครื่อง
นายจารุกรเป็นคนขับเครื่องบิน รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้เด็กๆ เพราะอยากลองขับเครื่องบินโบราณแบบนี้มานานแล้ว เคยเรียนขับเครื่องบินรุ่นนี้ในห้องทดลองฝึกบินในสถาบันนักเดินทาง เท่านั้น อุชุกรและรวินันท์ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน คอยดูอยู่ข้างๆนายจารุกรอย่างใกล้ชิด พูดคุยหัวเราะกันไม่หยุด
นายดุ๊กถามจารุกรด้วยความเป็นห่วงว่า “แน่ใจนะครับลูกพี่ว่าขับได้”
“สบายมาก คอยดูละกัน” จารุกรตอบด้วยความมั่นใจ
จารุกรขับเครื่องบินไปสักพัก พอหายตื่นเต้นกันแล้ว จารุกรก็บอกอุชุกรและรวินันท์ว่า "พอเสร็จงานนี้แล้วเราคงต้องไปตามพวกปล้นสนามบินต่อ ตอนนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าคำตอบของเจ้ารหัส 6 ตัวนี่มันคืออะไร"
อุชุกรตอบด้วยความคิดถึงโคอัญชัญว่า "อาจเกี่ยวกับคุณหมอก็ได้นะ เธอเป็นผู้หญิงอะไรที่ใช้ภาษาได้สุภาพมาก พูดสั้นได้ใจความไม่เพี้ยนเลย"
ทั้งสองคนคิดตามอุชุกร ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่างคนต่างก็พยายามคิดถึงอะไรที่จะเกี่ยวกับผู้หญิง ภาษา สุภาพ สั้น เพี้ยน เพื่อไขความลับไปสู่การติดตามตัวนักวิทยาศาตร์คนสำคัญ ซึ่งมันเหมือนจะไม่น่าจะยากสำหรับการถอดรหัส 6 ตัวนี้ แต่ทำไมยังนึกกันไม่ออก