ตอนที่ 13 เจอเพื่อนเก่า
ไม่รู้ว่ามีตำรวจที่อยู่ด้านหลังมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ มะห่ำไม่ฟังเสียงกำลังจะวิ่งต่อ ก็ปรากฎว่ามีตำรวจอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งมาจากด้านข้างตัวตึกทิศที่มะห่ำ กำลังจะวิ่งไป มะห่ำเห็นจวนตัว จึงวิ่งขึ้นบันไดหลังตึก พอพ้นบันไดมาได้ มะห่ำเพิ่งนึกขึ้นได้ตอนนี้เองว่าสถานที่ที่วิ่งผ่านมาเมื่อตะกี้นี้ที่ว่า คุ้นๆ เพราะว่าเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว มีเพื่อนเป็นตำรวจอยู่ที่แฟลตตำรวจ แล้วก็เคยนั่งกินข้าวแกงกับเพื่อนที่โรงอาหารของสน. ทองหยอด ตึกที่ตัวเองวิ่งขึ้นมานี้ก็คือสน. ทองหยอดนี่เอง โธ่เอ๋ยช่างน่าสงสารตัวเองเพิ่งนึกขึ้นมาได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว มะห่ำวิ่งมาถึงหน้าห้องสอบสวน2 เห็น พ. ต. ต. วันสดุด กำลังเปิดประตูออกมาหันด้านข้าง ยืนคุยอยู่กับตำรวจ 2 นายที่ยืนอยู่หน้าห้อง กำลังสอบถามว่าได้ยินเสียงเอะอะจากข้างนอกพวกแฟนคลับกลับมาอีกแล้วหรือ ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน ทั้งสามคนหันมามองทางเสียงวิ่งเห็นนายมะห่ำกำลังวิ่งมา พ. ต. ต. วันสดุด เห็นจำหน้าเพื่อนได้จึงได้ทักไปว่า “ เฮ้ยไอ้มะห่ำวิ่งรีบร้อนมามีเรื่องอะไรหรือเพื่อน”
มะห่ำทำหน้าไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจที่เจอเพื่อน แต่ด้วยสถานการณ์พาไปจึงเข้าไปกอดทักเพื่อนเก่าแล้วพูดว่า “ ไอ้ดุด ช่วยเป็นตัวประกันด้วยเพื่อนรัก” ว่าแล้วก็ชักปืนพกขึ้นมาล็อคคอ พ. ต. ต. วันสดุด เพื่อนรักแล้วก็ถอยเข้าไปในห้องสอบสวน2 ซึ่งเปิดอยู่แล้วก็ล็อกประตูห้องจากด้านใน ถึงตอนนี้ตำรวจทั้งกลุ่มที่วิ่งตามมาก็มาสบทบอยู่หน้าห้องสอบสวน2 นี้ด้วย
มะห่ำเอากุญแจมือ ออกจากเอว พ. ต. ต. วันสดุด ล็อคมือ พ. ต. ต. วันสดุด ไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งล็อคไว้กับเก้าอี้ตัวที่พรหล้านั่งเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ แล้วบอกให้ พ. ต. ต. วันสดุด นั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนคุณหมอและ 3 หนุ่มผู้ต้องสงสัยปล้นสนามบินยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมอยู่แล้ว และนายมะห่ำเห็นว่าเป็นผู้หญิงและอีก 3 คน ก็ถูกใส่กุญแจมือล็อคติดกับเก้าอี้จึงคิดว่าคงจะไม่เป็นไร
พล. ต. ต. วิบาก ซึ่งเข้าใจว่าพวกกลุ่มแฟนคลับ 3 หนุ่มจอมอนาจารได้กลับไปกันหมดแล้ว ได้ยินเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่ ข้างนอก กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีมองผ่านกระจกดูเหตการณ์ของห้องสอบสวน2 จากห้องที่อยู่ติดกัน เห็นนายมะห่ำกำลังเดินถอยหลังงเข้ามาในห้อง และล็อคคอ พ. ต. ต. วันสดุดพร้อมมีปืนจี้หัว พ. ต. ต. วันสดุด อยู่ พล. ต. ต. วิบาก ถึงกับบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ เฮ้อ มันอะไรอีกล่ะเนี่ย โอ๊ยปวดหัวว้นนี้มีแต่เรื่อง” แล้วสั่งการให้ พ. ต. อ. ตรงคุณ ซึ่งทราบเรื่องการปล้นธนาคาร ไปเจรจากับนายมะห่ำหน้าห้องสอบสวน2
พ. ต. อ. ตรงคุณ เคาะประตูเรียก “ คุณมะห่ำ เปิดประตูหน่อย ออกมาคุยกัน เรื่องมันเป็นยังไง ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”
นายมะห่ำไม่ตอบยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร
พ. ต. อ. ตรงคุณ เคาะประตูเรียกอีกครั้ง “ ครั้งนี้คุณมามอบตัวถึงโรงพักเองก็ดีแล้ว โทษหนักจะได้เป็นเบา ถ้าทำร้ายใครอีกเรื่องจะไปกันใหญ่”
นายมะห่ำทนไม่ได้ที่ พ. ต. อ. ตรงคุณ บอกว่าเขามามอบตัวเอง จึงตะโกนออกไปว่า “ ผมไม่ได้มามอบตัว ถ้าผมรู้ว่าที่นี่เป็นโรงพักผมจะหนีเข้ามาทำไม ผมมันดวงซวยเอง”
นายมะห่ำไม่ต้องการให้พวกโจรคิดว่าตัวเองถูกตำรวจจับ กลัวว่าถ้าโจรเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองมามอบตัว พวกโจรอาจฆ่าครอบครัวของตัวเองทิ้งตามคำขู่ จึงบอกไปกับ พ. ต. อ. ตรงคุณ ว่า “ ผมขอนักข่าวผู้หญิง เข้ามาทำข่าวออกทีวี เอานักช่าวจริงๆมานะ ถ้ามีลูกเล่นทุกคนในห้องนี้ตายหมด”
นายมะห่ำมาถึงสน. ทองหยอด ในช่วงหลังจากที่พรหล้าไปคุยกับพวกแฟนคลับผู้นิยมชมชอบจอมอนาจารทั้ง 3 พอคุยเสร็จกำลังจะกลับสำนักพิมพ์ก็ทราบข่าว ว่ามีคนร้ายปล้นธนาคารกำลังวนเวียนอยู่ในละแวกนี้ จึงอยู่ต่อเพื่อจะทำข่าวโจรปล้นแบงค์ คิดว่าวันนี้โชคดีจริงๆ มาที่เดียวได้ครบเหมือนไปช็อปปิ้งที่เดียวได้ของครบทุกอย่าง แต่พอรู้ว่าคนร้ายได้จับทุกคนในห้องสอบสวน2 อยู่ไว้เป็นตัวประกันก็รู้สึกเป็นห่วงคุณหมอโคอัญชัญและทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นขึ้นมาทันที เธอจึงรีบเดินกลับมาที่หน้าห้องสอบสวน2
พ. ต. อ. ตรงคุณ กำลังจะเดินเข้าไปขอคำปรึกษาจาก พล. ต. ต. วิบาก เห็นพรหล้าเดินมาก็รู้สึกดีใจว่ากำลังกังวลอยู่ว่าจะไปตามใครมาเจรจากับนายมะห่ำดี จึงบอกกับพรหล้าว่า " คุณพรหล้าครับ ช่วยรออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะครับ ผมอาจมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือ"
พรหล้าตอบ " ได้ค่ะ มีเรื่องอะไรหรือคะท่านสารวัตร"
พ. ต. อ. ตรงคุณ " รอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาบอก"
พรหล้าพยักหน้าเข้าใจ " ได้ค่ะ"
มองดูแล้วในยามนี้ก็มีแต่พรหล้าเท่านั้นที่อยู่ใกล้และน่าจะตรง กับเงื่อนไขและสถานการณ์แวดล้อมมากที่สุด พ. ต. อ. ตรงคุณ จึงนำเรื่องไปรายงานให้ พล. ต. ต. วิบาก ทราบ พล, ต, ต, วิบากเห็นเหตุการณ์โดยตลอดจึงบอกให้พ. ต. อ. ตรงคุณ ให้รีบเรียกพรหล้าเข้ามาพบเพื่อถามความสมัครใจ เพราะอาจเสี่ยงอันตราย
พรหล้าเข้าไปพบ พล. ต. ต. วิบาก พร้อมกับพ. ต. อ. ตรงคุณ
พล. ต. ต. วิบากพูดกับพรหล้าทันทีที่พรหล้าเข้ามาในห้อง " คุณพรหล้าคงทราบแล้วนะครับ เรื่องมีคนร้ายปล้นธนาคารชื่อนายมะห่ำ บุกเข้ามาจับตัวประกันถึงในนี้ แล้วขอให้มีนักข่าวเข้าไปทำข่าวออกโทรทัศน์ ผมเข้าใจว่าบางทีนายมะห่ำกับผู้ต้องสงสัยปล้นเงินจากมาลัยแลนด์ 3 คนที่อยู่ที่นี่อาจเป็นพวกเดียวกันก็ได้ เด็ก 3 คนนี่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย ท่าทางจะเหมือนพวกสติไม่สมประกอบเสียมากกว่า แต่ดูกิริยาท่าทางตอนแสดงกายกรรมในห้องสอบสวนก็ดูไม่น่าไว้วางใจเราคงจะประมาทไม่ได้"
พรหล้าพยักหน้าแล้วตอบ พล. ต. ต. วิบาก ว่า " ค่ะท่านผู้การ ดิฉันได้ทราบจากท่านสารวัตรตรงคุณแล้วค่ะ ดิฉันยินดีที่จะเข้าไปเจรจากับคนร้ายรายนี้เองค่ะ"
พล. ต. ต. วิบาก " ความจริงผมเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ ไม่อยากให้เข้าไปเลย เหตุผลที่ผมยอมให้คุณเข้าไปก็เนื่องจากผมไม่ต้องการให้นักข่าวคนอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องและทราบเกี่ยวกับเรื่องคนร้ายปล้นสนามบิน และผมก็เชื่อว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นคุณหมอโคอัญชัญอาจแก้ไขสถานการณ์ได้ เพราะเคยเห็นฝีไม้ลายมือของคุณหมอมาแล้ว ไม่ว่าในเรื่องการเจรจาหรือการต่อสู้กับคนร้าย"
พรหล้ารับคำ " ค่ะ"
ตัวพรหล้าเองคิดแต่เรื่องอยากสร้างผลงาน แต่จริงๆแล้วเบื้องลึกเธอตัดสินใจไปเพราะความเป็นห่วงคุณหมอและอยากรู้อยาก เห็นความเป็นไปในห้องนั้นมากกว่า
เมื่อซักซ้อมความเข้าใจกันดีแล้ว ทั้งพรหล้าและพ. ต. อ. ตรงคุณ จีงมุ่งตรงไปที่ห้องสอบสวน2
พ. ต. อ. ตรงคุณ เปิดประตูห้องสอบสวน2 ให้พรหล้าเข้าไป โดย พล. ต. ต. วิบาก ยังสังเกตการณ์อยู่ห้องติดกัน เมื่อเห็นพรหล้าเข้าไปแล้ว พ. ต. อ. ตรงคุณกลับมาที่ห้อง พล. ต. ต. วิบากได้สั่งการกับ พ. ต. อ. ตรงคุณว่า " คุณช่วยให้เตรียมหน่วยคอมมานโดเตรียมบุกห้องสอบสวน2 ได้ทันที ถ้าหากการเจรจาไม่สำเร็จนายมะห่ำไม่ยอมจำนนแต่โดยดีหรือมีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราคงต้องยอมตามนายมะห่ำไปก่อนเพราะว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหมอโคอัญชัญ คุณพรหล้าและ วันสดุด เรารอดูผลการเจรจากันก่อน"
VIDEO
บทนำ
อ่านตอนต่อไป