ตอนที่ 10 เสียงระเบิดดัง
หลังจากที่พรหล้าออกจากห้องสอบสวน 2 ไปแล้ว ทางคุณหมอนักจิตวิทยาก็ เดินลุกจากเก้าอี้ขึ้นมาส่งนักข่าวสาวหน้าห้องสอบสวน2 เปิดประตูค้างไว้แล้วกวักมือเรียกผู้ช่วยให้เข้ามาช่วยคุณหมอต่อสายเครื่อง โพลีกราฟกับ 3 หนุ่ม ติดเครื่องจับเท็จพร้อมกัน 3 คน
โดยปกติเครื่องจับเท็จที่ใช้กัน เขาจะใช้กับผู้ถูกสัมภาษณ์ทีละคน เนื่องจากจะวัดผลปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามต่างๆจากตัวผู้ถูกสัมภาษณ์เพียงคนเดียว ไม่ต้องการให้ความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นมาเกี่ยวข้องทำให้ผู้ประเมินผล ให้เกิดความสับสน แต่เทคนิคที่คุณหมอโคอัญชัญนำมาใช้เป็นเทคนิคพิเศษที่ต้องการดูปฏิกิริยาของ คนอื่นที่ไม่ได้ถูกสัมภาษณ์ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามคำตอบระหว่างผู้สัมภาษณ์กับผู้ถูกสัมภาษณ์อย่างไร เทคนิคนี้จะใช้เฉพาะกรณีที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ทุกคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สัมภาษณ์ร่วมกันยกตัวอย่าง เช่นถ้าถามนายอุว่าเพื่อนอีก 2 คนมีใคร สะดือจุ่นบ้าง ถ้าหากอีกสองคน คนใดคนหนึ่งมีสะดือจุ่น ก็จะมีปฏิกิริยาที่ผิดปกติไปจากเดิม หรือถ้าถามนายอุว่า นายอุมีสะดือจุ่นหรือไม่ ถ้านายอุโกหกก็จะมีปฏิกิริยาที่ผิดปกติ หรือถ้านายอุสามารถตอบได้โดยมีอารมณ์ปกติแต่ที่จริงแล้วโกหก อีก 2 คนที่รู้ว่านายอุโกหกก็อาจมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เทคนิคที่ว่านี้ผู้เชี่ยวชาญในการจับเท็จทั่วไปไม่มีใครเขาใช้กัน เนื่องจากปกติการสัมภาษณ์และวิเคราะห์ประมวลผลที่ได้จากการจับเท็จคนคนเดียว ก็ยากพออยู่แล้วบางครั้งผู้ทำการวิเคราะห์ประเมินผลก็บอกไม่ได้ว่าเป็นการโกหกหรือไม่ เพราะผลที่ได้ที่จริงแล้วเป็นผลของความดันโลหิต อัตราการหายใจ และสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของอารมณ์เท่านั้น การจับเท็จเป็นเพียงการวัดทางอ้อม ซึ่งผลที่ได้จริงเป็นเพียงแค่วัดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของร่างกายเท่านั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญบางครั้งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการตรวจแบบนี้จะสามารถ ชี้ชัดลงไปได้ว่ามีการโกหกจริงตามผลของเส้นกราฟ แต่หมอของเรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์เส้นกราฟแสดงผลของโพลีกราฟซึ่ง แกว่งขึ้นแกว่งลงที่ต่างกันได้อย่างแม่นยำ อันนี้อาจเป็นพรสวรรค์ของคุณหมอ เพราะมีความชำนาญในการจับโกหกตั้งแต่เด็ก เล่นไพ่โกหกก็ชนะทุกครั้ง
คุณผู้ช่วยใช้สายยางที่เติมอากาศไว้ นำมารัดไว้รอบอกและช่องท้องของ 3 หนุ่ม ทีละคน หลังจากนั้นก็พันแถบวัดความดันโลหิตไว้รอบต้นแขนและสายไฟที่ปลายนิ้วเพื่อดูปริมาณเหงื่ออันเป็นตัวนำไฟฟ้า พร้อมกับต่อเข้ากับเครื่องโพลีกราฟ
มีอีกอย่างหนึ่งที่คุณหมอนำมาใช้ที่ไม่เหมือนการใช้เครื่องจับเท็จทั่วไป คือการต่อกระแสไฟฟ้าไว้ กับสายที่ต่อกับนิ้ว และสายไฟติดกุญแจมือล็อคกับข้อมือติดกับที่ท้าวแขนของเก้าอี้ไว้อีกที สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้ในกรณีที่ผู้ต้องหา เกิดอาการคลุ้มคลั่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ ทำร้ายผู้สัมภาษณ์หรือหนีได้
คุณผู้ช่วยพอต่อเสร็จก็ตรวจความเรียบร้อยที่เครื่องคอมพิวเตอร์แสดงผลอีกที เสร็จแล้วก็พูดกับคุณหมอว่า “เครื่องจับเท็จพร้อมแล้วครับคุณหมอ”
คุณหมอตอบขอบคุณ แล้วผู้ช่วยก็เดินจากห้องและปิดประตูโดยที่ตำรวจ 2 นายยังคงนั่งอยู่หน้าห้อง
พอผู้ช่วยออกจากห้องไป หมอตอนนี้เกิดอยากเป็นหมาขึ้นมา รู้สึกมันเขี้ยวอยากจะเข้าไปกัดเจ้าพวก 3 ตัวนี้ทีละคน โดยเฉพาะนายอุ น่าขย้ำมากที่สุด ตัวหมอเองก็ไม่รู้ทำไม แต่ตัวเองคิดว่าอาจเป็นเพราะหมั่นไส้คำพูดคำตอบที่หมอได้ยินตอนที่พรหล้า สัมภาษณ์ 3 หนุ่มนี้ก็ได้
ระหว่างที่พรหล้าสัมภาษณ์ คุณหมอโคอัญชัญก็ได้สังเกตุดูอากัปกิริยาที่แสดงออกของทั้ง 3 คน ต่อคำถามต่างๆ รวมทั้งปฎิกิริยาต่างๆที่แสดงออกตอนที่ตอบคำถามต่างๆ และก็ได้จดบันทึกไว้เพื่อเตรียมคำถามที่จะใช้ถามไอ้โรคจิตทั้ง 3 คนนี้ หมอได้สันนิฐานในเบื้องต้นว่า พวก 3 คนนี้ ถ้าไม่ใช่โจรที่กำลังโกหกเพื่อเอาตัวรอดก็ต้องเป็นโรคจิตอย่างแน่นอน ซึ่งหมอจะค่อนข้างเชื่อว่าเป็นโรคจิตมากกว่า แต่เนื่องจากหมอไม่ต้องการให้ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ส่วนตัวมามีผลต่อการประเมิน จึงจำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอนและหลักการของการใช้เครื่องจับเท็จหรือโพลีกราฟนี้
ส่วนเจ้า 3 ตัวที่คุณหมอกำลังนึกถึงอยู่นี้ มีแต่อุชุกรเท่านั้นที่ไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง 2 คนที่เหลือกลับรู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่จะได้ถูกทดลองใช้เครื่องมือโบราณ ซึ่งเคยเห็นแต่ในพิพิธภัณฑ์ เวลานี้มาได้สัมผัสด้วยตัวเอง บวกกับการที่ได้ใกล้ชิดกับความน่ารักของคุณหมอด้วยแล้ว อะไรก็ดูดีน่าเพลิดเพลินไปหมด
รวินันท์เอาสายไฟมาพันคอแล้วก็แลบลิ้น ทำตาเหลือก จารุกรจับสายไฟแล้วทำท่าเหมือนโดนไฟดูด ชักกระตุกมองหน้ารวินันท์ แล้วทั้งสองก็หัวเราะ อุชุกรนิ่งทำอะไรไม่ถูก คอยรอฟังคำสั่งจากหมออย่างเดียว
คุณหมอบอกทุกคนให้อยู่นิ่งๆ อุชุกรกระสับกระส่ายไม่เป็นตัวของตัวเอง กลัวหมอจะรู้ความคิดของตัวเอง ไม่กล้ามองหน้าสบสายตาตรงๆ คุณหมอตรวจสอบการทำงานของเครื่องโพลีกราฟที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และก็กลับมาดูความเรียบร้อยของสายระโยงระยางต่างๆ ที่อยู่ติดกับ 3 หนุ่มอีกที ตอนตรวจถึงอุชุกร นายอุวางมือไม่ถูก ยกขึ้นยกลงจนสายพันมือของเขาและคุณหมอสองคนติดกัน
“อุ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ได้ละคะ” คุณหมออุทานขึ้น แต่ในใจคิดว่านายอุมีนิสัยขี้หลี และตั้งใจทำ มองนายอุตาเขียว
นายอุตกใจตอบว่า “ขอ ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ ขอ ขอโทษ”
คุณหมอแสยะยิ้มตอบว่า “ไม่เป็นไร” ว่าแล้วมือก็กดรีโมทคอนโทรล ปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปช็อตนายอุโดยที่ไม่มีใครรู้ นายอุถึงกับสะดุ้ง
คุณหมอถามว่า “เป็นอะไรไปหรือคะ”
นายอุมองดูเพื่อน เห็นเพื่อนมีอาการปกติ ตัวเองจึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไรครับ”
เห็นคุณหมอยิ้มพอใจ รอยยิ้มของคุณหมอทำให้นายอุเข้าสู่ภวังค์จินตนาการอีกแล้วว่า เข้าพิธีสืบพันธุ์(แต่งงาน)กับคุณหมอ กำลังแลกแหวนแต่งงานกันอยู่ ริมชายหาดบางเบ่อ เมืองกัวจังมาร่า มีต้นมะพร้าวเรียงราย มีแขกเหรื่อนับพันมาเป็นสักขีพยาน มีสกู๊ตเตอร์ และ บานานาโบ๊ท เป็นคู่ ขับขี่ไปมาริมทะเล มีบอลลูนขนาดใหญ่ 2 ลูก ติดชูป้าย “อุชุกร รัก โคอัญชัญ” อยู่คนละด้าน มีเสียงเชียร์จากแขกบอกให้จุมพิตเจ้าสาว อุยื่นหน้าไปจนเกือบชิดหน้าคุณหมอ แต่เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ด้ง 3 ป๊าดใหญ่ ป้าด ป๊าด ป้าด เสียงดังเหมือนเสียงประทัด
คุณหมอเห็นนายอุหลับตายื่นหน้าเข้ามา ยกมือขึ้นกำลังจะผลักหน้านายอุ พอได้ยินเสียงดังจึงตกใจหดมือกลับอุทานว่า “อุ้ย ว้าย”
นายอุพลันต้องตกใจสะดุ้งตื่นจากภวังค์
ตำรวจ ที่อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงคุณหมอร้องจึงรีบวิ่งเข้ามา พอเปิดประตูห้องเข้ามาเท่านั้นก็ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ รีบเอามืออุดจมูก เห็นคุณหมอเอามือปิดจมูกอยู่เหมือนกัน ถามว่า “คุณหมอเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
คุณหมอตอนนี้หายตกใจแล้วกลายเป็นโกรธพูดไม่ออก ไม่ได้ตอบแต่ส่ายหน้าแทน
นายอุตอนนี้หน้าแดงหูแดงด้วยความอายและเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนเองทำผิด จึงพูดแสดงความรับผิดชอบ “ผมขอโทษครับ ผมตดเองครับ”
“กินอะไรมาล่ะกลิ่นเน่าขนาดนี้” ตำรวจถาม มือยังปิดจมูกอยู่
“ขอ เข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ เวลาตื่นเต้นเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยครับ เห็นทีจะต้องขอไปเข้าห้องน้ำแล้วละครับ” นายอุไม่ตอบคำถาม แต่รีบเข้าประเด็น ที่จริงนายอุปวดตั้งแต่เห็นหน้าคุณหมอแล้ว แต่ว่าอดทนไว้ เพราะเสียดายเวลาที่จะได้พบพูดคุยกับคุณหมอ นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ขายหน้าขนาดนี้ ไม่งั้นจะขอไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว
ผู้ช่วยคุณหมอซึ่งยืนอยู่หน้าห้องคอยสังเกตุการณ์มองดูหน้าคุณหมอ คุณหมอพยักหน้าให้สัญญานผู้ช่วยเข้ามา
ผู้ช่วยแก้สายพันตัวนายอุออก แล้วตำรวจสองนายคุมตัวนายอุไปเข้าห้องน้ำ
ตอนนี้ในห้องมีเพียงคุณหมอและ 2 หนุ่ม คุณหมอถาม 2 หนุ่มว่า “ไม่เหม็นกันบ้างหรือไงหรือว่าชินกลิ่น”
“กลั้นหายใจซิครับ กลั้นไว้ 5 นาทีในห้องนี้ก็หายเหม็นแล้วครับ ยิ่งถ้าเปิดประตูอย่างนี้ 2-3 นาทีกลิ่นยิ่งหมดเร็ว” นายจาตอบ
“ไม่โอเวอร์ไปหน่อยเรอะ กลั้นหายใจ 5 นาทีเนี่ยนะ” คุณหมอไม่ค่อยจะเชื่อทุกอย่างที่พวกนี้พูด
“ไม่เลยครับถ้าจำเป็นเราสามารถกลั้นหายใจได้ 15 นาที” นายจาต้องการให้คุณหมอรู้ถึงความสามารถของตัวเอง
ได้ยินคำตอบแทนที่คุณหมอจะชื่นชมกลับยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ 3 อนาจาร พวกนี้เข้าไปอีก คุณหมอยิ้มให้แต่นึกในใจว่า "เดี๋ยวก็จะรู้สึก"
บทนำ
อ่านตอนต่อไป